ORI ดีดบวก 2% โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เคาะเป้า 12.30 บาท ชูอัพไซด์สูงปรี๊ด!
ORI ดีดบวก 2% โบรกฯเชียร์ซื้อ เคาะเป้า 12.30 บาท ชูอัพไซด์สูงปรี๊ด! ล่าสุด ณ เวลา 10.22 น. อยู่ที่ระดับ 7.60 บาท ปรับตัวขึ้น 0.15 บาท หรือ 2.01% สูงสุดที่ 7.70 บาท ต่ำสุดที่ 7.45 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 41.91 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ล่าสุด ณ เวลา 10.22 น. อยู่ที่ระดับ 7.60 บาท ปรับตัวขึ้น 0.15 บาท หรือ 2.01% สูงสุดที่ 7.70 บาท ต่ำสุดที่ 7.45 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 41.91 ล้านบาท
โดย บล.กสิกรไทย แนะนำ “ซื้อ” ORI ราคาเป้าหมาย 12.30 บาท/หุ้น ทั้งนี้บริษัทเปิดเผยระหว่างงาน opportunity day ที่ตลาดหลักทรัพย์เมื่อวานนี้ว่าบริษัทจะมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 ให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของตลาดที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะมาตรการ LTV ใหม่ โดยจะมีการปรับเงินดาว์นขึ้นเป็น 15-20% และจะเน้นเปิดโครงการใหม่ในกลุ่มการตลาดที่บริษัทคิดว่าจะมีผลกระทบจาก LTV ใหม่ไม่มาก ได้แก่ กลุ่มระดับล่างและระดับบน โดยยอดขายโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ ที่ทำได้ถึง 74% และโครงการพาร์ค ออริจิ้น พญาไท ที่ 80% เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ยอดขายนับตั้งแต่ต้นปีเกิน 2.5 หมื่นลบ. (จากเป้าทั้งปีที่ 2.4 หมื่นลบ.) แล้ว ส่งผลให้ backlog ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 หมื่นลบ.ซึ่งทำให้เป้าหมายรายได้ปี 2561-63 อยู่ในระดับ 100%, 64% และ 42%
สำหรับประเด็นลูกค้าต่างชาติที่บริษัทมีลูกค้าจีน 7% ของ Backlog ถือว่ายังบริหารจัดการได้แม้สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอาจทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ตัดสินใจช้าลงหรือเลือกที่จะไม่โอนกรรมสิทธิ์เนื่องจากบริษัทสามารถยึดเงินดาวน์ที่ 25-30% ที่วางไว้ได้
นอกจากนี้หนี้สินโครงการพาร์ค 24 ที่ซื้อมาเมื่อเดือนต.ค.2560 ก็มีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าจะทำให้ IBDE ลดลงจาก 1.75 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 1/2561 เป็น 1.35 เท่า ณ สิ้นปี 2561 และลดเป็น 1.26 เท่า และ 1.18 เท่า ณ สิ้นปี 2562-2563 ซึ่งจะทำให้ตลาดลดความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินของ ORI ไปได้มาก ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 12.30 บาท
อนึ่งก่อนหน้านี้ นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI ได้เปิดเผยว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก ว่า ด้วย P/E ปัจจุบันที่ 4.7-4.8 เท่า ถือเป็นจุดที่น่าสนใจเข้าลงทุน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เดินสายโรดโชว์ในประเทศสิงคโปร์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันอยู่ที่ 15-20% ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อหุ้นคืนด้วย