สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 พ.ย. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (30 พ.ย.) ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าการหารือระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุม G20 จะเป็นไปด้วยดี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,538.46 จุด บวก 199.62 จุด หรือ +0.79% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,760.17 จุด เพิ่มขึ้น 22.41 จุด หรือ +0.82% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,330.54 จุด เพิ่มขึ้น 57.45 จุด หรือ +0.79%
สำหรับในรอบสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 5.2% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.9% และ Nasdaq พุ่ง 5.6% โดยทั้ง S&P 500 และ Nasdaq ทำสถิติปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบสัปดาห์ นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2554 หรือเกือบเจ็ดปี ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2559
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อวันศุกร์ (30 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.61 จุด หรือ -0.17% ปิดที่ 357.49 จุด ขณะที่ทั้งสัปดาห์ ดัชนีปรับตัวขึ้น 1% แต่ลดลง 1.1% ในรอบเดือนพ.ย.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,980.24 จุด ลดลง 58.71 จุด หรือ -0.83% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,257.24 จุด ลดลง 40.99 จุด หรือ -0.36% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,003.92 จุด ลดลง 2.33 จุด หรือ -0.05%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (30 พ.ย.) จากแรงขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และธนาคาร โดยได้รับแรงกดดันจากการที่ทางการจีนเผยข้อมูลภาคการผลิตที่ขยายตัวอ่อนแรงที่สุดในรอบสองปี นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าสหรัฐและจีนจะยุติข้อพิพาทการค้าที่การประชุมสุดยอด G20 ได้หรือไม่
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,980.24 จุด ลดลง 58.71 จุด หรือ -0.83% ขณะที่ทั้งสัปดาห์ ดัชนีปรับตัวลง 0.4% และร่วงลง 2.1% ในรอบเดือน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ (30 พ.ย.) จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด แม้มีการคาดการณ์กันว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะปรับลดกำลังการผลิตในวันที่ 6 ธ.ค.นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 52 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 50.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ปรับตัวขึ้นราว 1% ในรอบสัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 80 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 58.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำหรับตลอดทั้งเดือนพ.ย. สัญญาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ ต่างดิ่งลงอย่างหนักถึง 22% ซึ่งถือเป็นเดือนที่ลดลงมากที่สุดในรอบกว่าสิบปี
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (30 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ก่อนการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.2562 ลดลง 4.4 ดอลลาร์ หรือ 0.36% ปิดที่ 1,226 ดอลลาร์/ออนซ์ และลดลงเกือบ 0.3% ในรอบสัปดาห์ อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเดือนที่สองติดต่อกัน
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.2562 ลดลง 18.5 เซนต์ หรือ 1.28% ปิดที่ 14.217 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.2562 ลดลง 21.1 ดอลลาร์ หรือ 2.57% ปิดที่ 799.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. 2562 ลดลง 6.8 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,144.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (30 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา สุดสัปดาห์นี้
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.60 เยน จากระดับ 113.43 เยน แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ 0.9996 ฟรังก์ จาก 0.9963 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ 1.3288 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3274 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1308 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1388 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2742 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2782 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7302 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 0.7319 ดอลลาร์สหรัฐ