ช่อง 3 สยบข่าวปลดพนักงาน! แจงชัดเลิกจ้างตามโครงการเกษียณอายุเท่านั้น
ช่อง 3 สยบข่าวปลดพนักงาน! แจงชัดเลิกจ้างตามโครงการเกษียณอายุเท่านั้น
บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC เปิดเผยว่า บริษัทออกมาชี้แจงกระแสข่าวที่ระบุว่าสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จะปลดพนักงานกว่า 80 คน โดยข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อน เพราะขณะนี้บริษัทยังอยู่ในการพิจารณาอัตรากำลังที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจของทีวีดิจิตอล ซึ่งยังไม่ได้มีเป้าหมายหรือตัวเลขที่ชัดเจนแต่อย่างใด
อีกทั้งกรณีที่มีการเสนอข่าวว่า มีการปลดพนักงานอายุระหว่าง 40-55 ปีนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะที่จริงแล้วพนักงานในวัยนี้ถือเป็นกำลังสำคัญต่อการผลิตผลงานคุณภาพของไทยทีวีสีช่อง 3
โดยบริษัทระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพิจารณาถึงจำนวนพนักงานและการตอบแทนพนักงานหลังเกษียณอายุ เนื่องจากไทยทีวีสีช่อง 3 มีจำนวนพนักงานจำนวนหนึ่งที่อายุเกินกว่า 60 ปี
ดังนั้นโครงการเกษียณอายุ จึงถือเป็นทางเลือกให้กับพนักงานกลุ่มนี้ ซึ่งจำนวนผลตอบแทนที่มอบให้ในโครงการเกษียณก็สูงกว่าสิ่งที่กฏหมายแรงงานได้กำหนดไว้ พร้อมทั้งยังมีการมอบประกันสุขภาพให้พนักงานที่เข้าโครงการต่อไป เพื่อให้พนักงานยังสามารถมีประกันสุขภาพดูแลตนเองต่อไปแม้จะเกษียณอายุไปแล้ว
สำหรับกรณีที่พนักงานรับเงินตามโครงสร้างการเกษียณแล้ว แต่บริษัทยังเล็งเห็นศักยภาพว่ายังสามารถปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งงานนั้นได้ต่อไปอย่างเต็มที่ พนักงานผู้นั้นก็จะได้รับการว่าจ้างต่อไปตามความเหมาะสม
“ไทยทีวีสีช่อง 3 ตระหนักถึงความสำคัญของบุคลากรอยู่เสมอ เพราะพวกเขาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรและผลิตผลงานคุณภาพเพื่อผู้ชม สำหรับโครงการนี้ก็เป็นสิ่งที่เราทำเพื่อปรับองค์กรให้เข้ากับสภาวะตลาด และเพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสเลือกแผนในการดำเนินชีวิตของเขาต่อไป”BEC ระบุ
อนึ่งเช้านี้ (3 ธ.ค. 2561) ในโลกออนไลน์ได้เกิดเป็นกระแสฮือฮา และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และได้มีการส่งต่อข้อความโดยอ้างว่าช่อง 3 มีคำสั่งปลดพนักงานเกือบ 300 คน เพื่อพยุงรายได้หลังจากผลประกอบการที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้
โดยเฉพาะพนักงานฝ่ายข่าวที่ถูกเลิกจ้างถึง 80 ราย สร้างความตื่นตกใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมากที่ แม้ว่าทางช่อง 3 จะจ่ายเงินให้ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน คือค่าชดเชย 10 เดือน ค่าตกใจ (ไม่แจ้งล่วงหน้า) 2 เดือนก็ตาม แต่กระนั้นก็พากันตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับวงการสื่อมวลชนของไทยในขณะนี้ โดยเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Paskorn Jumlongrach ซึ่งระบุข้อความดังกล่าว