สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 3 ธ.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวผู้นำสหรัฐและจีนที่บรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาทการค้าชั่วคราว โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่งขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า จีนได้ตกลงที่จะ “ลดและยกเลิก” การเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเกือบ 4% นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดตลาดทะยานขึ้นกว่า 100 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,826.43 จุด พุ่งขึ้น 287.97 จุด หรือ +1.13% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,790.37 จุด เพิ่มขึ้น 30.20 จุด หรือ +1.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,441.51 จุด พุ่งขึ้น 110.98 จุด หรือ +1.51%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวผู้นำสหรัฐและจีนที่บรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาทการค้าชั่วคราว ในการเจรจานอกรอบการประชุม G20 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.03% ปิดที่ระดับ 361.18 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,062.41 จุด เพิ่มขึ้น 82.17 จุด หรือ +1.18% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,465.46 จุด เพิ่มขึ้น 208.22 จุด หรือ +1.85% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,053.98 จุด เพิ่มขึ้น 50.07 จุด หรือ +1.00%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) ขานรับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ได้บรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาทการค้าชั่วคราว ในการเจรจานอกรอบการประชุม G20 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มทรัพยากรดีดตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,062.41 จุด เพิ่มขึ้น 82.17 จุด หรือ +1.18%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4% เมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) ขานรับข่าวผู้นำสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงในการยุติข้อพิพาททางการค้าชั่วคราว นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเปิดเผยว่า รัสเซียและซาอุดีอาระเบียได้ตกลงที่จะร่วมมือกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า มณฑลอัลเบอร์ตาของแคนาดาเตรียมลดการผลิตเพื่อแก้ปัญหาน้ำมันดิบในสต็อกจำนวนมาก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 2.02 ดอลลาร์ หรือ 3.97% ปิดที่ 52.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.23 ดอลลาร์ หรือ 3.75% ปิดที่ 61.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 13.60 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1,239.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ปีนี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 28.2 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 14.499 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 10.9 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 810.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 21 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 1,165.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ได้บรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาทการค้าชั่วคราว ในการเจรจานอกรอบการประชุม G20 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9988 ฟรังก์ จากระดับ 0.9996 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3210 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3288 ดอลลาร์แคนาดา อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.68 เยน จากระดับ 113.60 เยน
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1342 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1308 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2726 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2742 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7348 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7302 ดอลลาร์สหรัฐ