สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 10 ธ.ค. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายของการซื้อขาย หลังจากหุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วงลงตามราคาหุ้นแอปเปิลในช่วงแรก อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่าศาลจีนได้ตัดสินให้บริษัทแอปเปิล อิงค์ แพ้คดีการละเมิดสิทธิบัตรของบริษัทควอลคอม อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก แต่ตลาดถูกกดดันจากปัจจัยลบต่างๆในระหว่างวัน ซึ่งรวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน, การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และการที่รัฐบาลอังกฤษประกาศเลื่อนการลงมติในรัฐสภาต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างไม่มีกำหนด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,423.26 จุด เพิ่มขึ้น 34.31 จุด หรือ +0.14% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,637.72 จุด เพิ่มขึ้น 4.64 จุด หรือ +0.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,020.52 จุด เพิ่มขึ้น 51.27 จุด หรือ +0.74%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงเศรษฐกิจของหลายประเทศในยูโรโซน เช่นเยอรมนีและฝรั่งเศส ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตทางเศรษฐกิจและการเมืองของอังกฤษ หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตัดสินใจเลื่อนการลงมติในรัฐสภาอังกฤษต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีกำหนด

ดัชนี Stoxx Europe ร่วงลง 1.9% ปิดที่ 338.99 จุด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,721.54 จุด ลดลง 56.57 จุด หรือ -0.83% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,622.07 จุด ลดลง 166.02 จุด หรือ -1.54% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,742.38 จุด ลดลง 70.74 จุด หรือ -1.47%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตทางเศรษฐกิจและการเมืองของอังกฤษ หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตัดสินใจเลื่อนการลงมติในรัฐสภาอังกฤษต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีกำหนด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,721.54 จุด ลดลง 56.57 จุด หรือ -0.83%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินปอนด์ หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตัดสินใจเลื่อนการลงมติในรัฐสภาอังกฤษต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีกำหนด

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 3.20 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,249.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 9.1 เซนต์ หรือ 0.62% ปิดที่ 14.605 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 8.30 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 782.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 12.10 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,158.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันทั่วโลกด้วยเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ และรายงานภาวะตลาดน้ำมันรายเดือนของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในสัปดาห์นี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 51.00 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ดิ่งลง 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 59.97 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ต่างก็ปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.ปีนี้

 

เงินปอนด์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตัดสินใจเลื่อนการลงมติในรัฐสภาอังกฤษต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีกำหนด

เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2557 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2751 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1352 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1421 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7185 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7209 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.20 เยน จากระดับ 112.64 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3411 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3282 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9897 ฟรังก์ จากระดับ 0.9892 ฟรังก์

 

 

 

Back to top button