สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 ธ.ค. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปด้วยดี ขณะเดียวกันมีรายงานว่า จีนเตรียมเปิดตลาดให้บริษัทต่างชาติมากขึ้น โดยความคืบหน้าด้านการค้าของทั้งสองประเทศได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นโบอิ้งและหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าในต่างประเทศของสหรัฐ ขณะที่หุ้นบริษัทเทคโนโลยีซึ่งมีการลงทุนจำนวนมากในประเทศจีนนั้น ปรับตัวขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มรถยนต์ยังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขานรับข่าวจีนเตรียมปรับลดภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,527.27 จุด พุ่งขึ้น 157.03 จุด หรือ +0.64% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,651.07 จุด เพิ่มขึ้น 14.29 จุด หรือ +0.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,098.31 จุด เพิ่มขึ้น 66.48 จุด หรือ +0.95%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ตลาดจับตาสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมลงมติไม่ไว้วางใจนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า นางเมย์จะรอดพ้นจากการลงมติในครั้งนี้ และสามารถดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ต่อไป

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.7% ปิดที่ 350 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.ปีนี้

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,929.43 จุด เพิ่มขึ้น 148.92 จุด หรือ +1.38% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,909.45 จุด เพิ่มขึ้น 103.26 จุด หรือ +2.15% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,880.19 จุด เพิ่มขึ้น 73.25 จุด หรือ +1.08%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) ขานรับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ส่งสัญญาณคืบหน้า ขณะที่ตลาดจับตาสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมลงมติไม่ไว้วางใจนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า นางเมย์จะรอดพ้นจากการลงมติในครั้งนี้ และสามารถดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ต่อไป

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,880.19 จุด เพิ่มขึ้น 73.25 จุด หรือ +1.08%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และจากรายงานของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลงในเดือนพ.ย.

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 50 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 51.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 5 เซนต์ หรือประมาณ 0.09% ปิดที่ 60.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ทรงตัวของสหรัฐ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,250.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 22.3 เซนต์ หรือ 1.52% ปิดที่ 14.851 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 21.6 ดอลลาร์ หรือ 2.75% ปิดที่ 807.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 17.20 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 1,194.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) จากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ทรงตัวของสหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า นางเทเรซา เมย์ จะสามารถผ่านพ้นการลงมติไม่ไว้วางใจจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งจะส่งผลให้นางเมย์ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษและหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมต่อไป

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2632 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2528 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.1365 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1326 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7219 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7205 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 113.21 เยน จากระดับ 113.39 เยน และทรงตัวเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9928 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3350 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3396 ดอลลาร์แคนาดา

 

Back to top button