SET สัปดาห์นี้ “Rebound” ชู 4 ปัจจัยเด่นในประเทศหนุน – จับตาประชุม FOMC 18-19 ธ.ค.นี้
โนมูระฯคาด SET สัปดาห์นี้ “Rebound” ชู 4 ปัจจัยเด่นในประเทศหนุน แนะจับตาประชุม FOMC 18-19 ธ.ค.นี้
Weekly outlook : Rebound ต้าน 1,669/1,681 จุด รับ 1,597/1,580 จุด
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ภาพรวมสัปดาห์นี้ (17-21 ธ.ค.61) คาดตลาด “Rebound” โดยประเด็นสำคัญที่ตลาดให้ความสำคัญสนใจคือ การประชุม FOMC 18-19 ธ.ค. โดย Nomura และ Consensus คาด FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง รวมเป็น 4 ครั้งในปีนี้ แต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ ถือว่าเป็นการต่อกลางต่อตลาด เนื่องจากตลาดตอบรับโอกาสดังกล่าวค่อนข้างมากแล้ว สะท้อนจากทั้ง Dollar Index และ US Bond Yield
ทั้งนี้ ทั้งประธาน FED และรองประธาน FED ต่างส่งสัญญาณว่า อัตตราดอกเบี้ยเบี้ยนโยบายของ FED กำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง และการตัดสินใจของ FED ขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งในช่วงหลังตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งภาคแรงงาน และภาคอุตสาหกรรม เริ่มชะลอตัว จึงแนะจับตาปรับเปลี่ยน Forward Guidance ของปี 2019 ซึ่งปัจจุบันให้โอกาสขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง อาจจะมีปรับลดตามทิศทางเศรษฐกิจได้ เป็น Upside Risks ต่อตลาดสินทรัยพ์เสี่ยง
ส่วนแรงหนุนในประเทศ 1) การประชุม BOT ของไทย 19 ธ.ค.นี้ Nomura คาด BOT จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก หลังตัวเลขเศรฐษกิจเติบโตดี เพิ่มแรงเก็งกำไรในกลุ่มธนาคารนำตลาดขึ้นได้
2) ตลาดหุ้นไทยไทยปรับตัวลงเข้าสู่ Zone ซื้อในเชิงพื้นฐาน โดยบริเวณ 1620-1560 จุด หรือ Current PER เพียง 15-14.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15.7 เท่า คาดเป็นจุดฟื้นตัวที่มีนัยเชิงฟื้นฐานสำคัญ
3) FTSE Rebalance จะมีผลราคาปิด 21 ธ.ค. 2018 พบว่า โดยไม่มีหุ้นไทยเข้า/ออกใหม่ในส่วนของ FTSE All World แต่มีการเพิ่มน้ำหนัก BDMS, IVL ส่วน FTSE Micro-Cap มีหุ้นขนาดเล็กของไทยถูกคัดเลือกเข้าใหม่ คือ COTTO & TEAMG เป็นแรงหนุนเชิงบวกต่อตลลาดหุ้นไทยย
ส่วนปัจจัยอื่นๆที่น่าติดตาม คือ การประชุม BOJ 20 ธ.ค.นี้ Nomura คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม แต่แนะติดตามมุมมองต่อเศรษฐกิจในช่วงถัดไป
4) PTTEP ปรับตัวลงแรงถ่วงตลาด หลังการประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณเผยถึงราคาขายก๊าชต่ำกว่าราคาปัจจุบัน ทำให้นักลงทุนกังวลต่อผลประกอบการของ PTTEP แต่อย่างไรก็ดี ด้วยสัมปทานที่กินระยะเวลา 10 ปี จะเป็นการเพิ่มเสถียรภาพของปริมาณขายก๊าช (ถือบงกชเพิ่มจาก 67% สู่ 100% และเอราวัณ 5% สู่ 60%) และหนุนกำไรระยะยาวขึ้นเล็กน้อย ประกอบกับแรงขาย PTTEP เริ่มแผ่วลง ทำให้คาดว่าหลังจากนี้ราคาน้ำมันจะเป็นตัวกำหนดทิศทาง PTTEP