PTTEP เปิดแผน 5 ปี วางเป้าดันปริมาณขายปิโตรเลียมปี 62 แตะ 3.18 แสนบาร์เรล/วัน
PTTEP เปิดแผน 5 ปี วางเป้าดันปริมาณขายปิโตรเลียมปี 62 แตะ 3.18 แสนบาร์เรล/วัน
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดทำประมาณการรายจ่ายสำหรับแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2562-2566) โดยมีรายจ่ายรวมทั้งสิ้น 16,105 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปี 62 คาดการณ์จะมีรายจ่ายรวมที่ 3,256 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีปริมาณขายปิโตรเลียมที่ 3.18 แสนบาร์เรล/วัน
โดยประมาณการรายจ่ายและปริมาณการขายปิโตรเลียมดังกล่าว ยังไม่รวมผลจากการที่บริษัทได้รับสิทธิในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสำรวจ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และ G2/61 (แหล่งบงกช) ในทะเลอ่าวไทย ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ย 5 ปี ตั้งแต่ปี 2562-2566 จะมีปริมาณขายปิโตรเลียมที่ระดับ 3.18 แสนบาร์เรล/วัน, 3.25 แสนบาร์เรล/วัน, 3.26 แสนบาร์เรล/วัน, 2.80 แสนบา์เรล/วัน และ 2.35 แสนบาร์เรล/วัน ตามลำดับ
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2562 บริษัทมีแนวทางหลัก 3 แนวทาง ประกอบด้วย 1.การรักษาปริมาณการผลิตจากโครงการผลิตหลักที่สำคัญในประเทศไทยและสาธารณรัฐ-แห่งสหภาพเมียนมา (เมียนมา) ซึ่งได้แก่ โครงการเอส 1 โครงการบงกช โครงการอาทิตย์ โครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย และโครงการซอติก้า โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 1,159 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว
2.การเพิ่มปริมาณสำรองและปริมาณการผลิตในอนาคตด้วยการจัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 490 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อผลักดันโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ได้แก่ โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ โครงการเวียดนาม บี และ 48/95 และเวียดนาม 52/97 และโครงการคอนแทร็ค 4 (แหล่งอุบล) ไปสู่การตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision)
3.การเร่งกิจกรรมการสำรวจเพื่อค้นหาทรัพยากร (Contingent Resources) เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 191 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายในการเจาะหลุมสำรวจและประเมินผลสำหรับโครงการสำรวจในเมียนมา และมาเลเซีย
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นดำเนินกลยุทธ์เพื่อบริหารต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ สร้างมูลค่าเพิ่มจากโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน พร้อมเดินหน้ารักษาความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติ และมองหาโอกาสขยายการลงทุนในพื้นที่ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการปรับตัวเพื่อพร้อมรับมือกับสภาพการดำเนินธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่เปลี่ยนแปลงไป ผ่านการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่
อาทิ การต่อยอดการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในสายธุรกิจก๊าซธรรมชาติ (Gas Value Chain) และการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) เป็นต้น เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของ ปตท.สผ.
ด้านนายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป จะเห็นแผนกลยุทธ์ของบริษัทในเชิงรุกมากขึ้น โดยจะสร้างมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ บริหารต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
โดยจะให้ความสำคัญกับธุรกิจก๊าซธรรมชาติครบวงจร เช่น ธุรกิจโรงไฟฟ้า (Gas to Power) รวมถึงการค้นหาธุรกิจใหม่อื่น ๆ เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (Robotics / AI) และพลังงานทางเลือก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัท และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน