สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 18 ธ.ค. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งนำโดยหุ้นโบอิ้งที่พุ่งขึ้นกว่า 3% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากที่ปรึกษาทำเนียบขาวได้ออกมาขู่ว่าจะปล่อยให้มีการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ หากสภาคองเกรสไม่ผ่านงบประมาณการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโก นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,675.64 จุด เพิ่มขึ้น 82.66 จุด หรือ +0.35% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,546.16 จุด เพิ่มขึ้น 0.22 จุด หรือ +0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,783.91 จุด เพิ่มขึ้น 30.18 จุด หรือ +0.45%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) เนื่องจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนักส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 19 ธ.ค.ตามเวลาสหรัฐ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.82% ปิดที่ 340.46 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,740.89 จุด ลดลง 31.31 จุด หรือ -0.29% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,701.59 จุด ลดลง 71.65 จุด หรือ -1.06% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,754.08 จุด ลดลง 45.78 จุด หรือ -0.95%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 1% เมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธที่ 19 ธ.ค.ตามเวลาสหรัฐ

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,701.59 จุด ลดลง 71.65 จุด หรือ -1.06%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 7% เมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด รวมทั้งกังวลว่าเศรษฐกิจทั่วโลกที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงนั้น อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 3.64 ดอลลาร์ หรือ 7.3% ปิดที่ 46.24 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ดิ่งลง 3.35 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ 56.26 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินเยน ก่อนที่ตลาดจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธที่ 19 ธ.ค.ตามเวลาสหรัฐ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 1,253.60  ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.ปีนี้

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 5.80 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 14.701 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 794.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,179.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร,ปอนด์และเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1355 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1350 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2638 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2629 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7171 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7177 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.53 เยน จากระดับ 112.75 เยน อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9928 ฟรังก์ จากระดับ 0.9925 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3492 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3408 ดอลลาร์แคนาดา

 

Back to top button