คัด 9 หุ้นพื้นฐาน! ลุ้นพุ่งแรงกว่า SET ชู 3 ธีมเด่นเน้น Beta สูง-อัพไซด์หรู-กำไรโตกระฉูด

คัด 9 หุ้นพื้นฐาน! ลุ้นพุ่งแรงกว่า SET ชู 3 ธีมเด่นเน้น Beta สูง-อัพไซด์หรู-กำไรโตกระฉูด นำโดย KBANK,AMATA,WHA,ROBINS,BJC,CPALL,TASCO,CK,THANI


ช่วงนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรง โดยนับตั้งแต่ดัชนีเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.61 ยืนอยู่ที่ระดับ 1672.32 จุด อ่อนตัวลดลงมาอยู่ที่  1583.19 จุด(18ธ.ค.61) พบว่าดัชนีหุ้นไทยลดลง 89.13 จุด หรือลดลง 5.33% จนทำให้ดัชนีปิดหลุดต่ำกว่าระดับ 1600 จุด เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 เดือน

แน่นอนบรรยากาศการลงทุนเช่นนี้ทำให้ ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ต้องรีบรวบรวบข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ SET ที่น่าลงทุนและเข้ากับภาวะตลาดอีกทั้งเพื่อให้ได้เลือกเก็บหุ้นดีราคาถูกไว้ในพอร์ต

โดยเฉพาะในครั้งนี้ได้ทำการคัดเลือกหุ้นจากค่าเบต้า (Beta) เนื่องจากค่าเบต้าถือเป็นเครื่องมือที่ชี้วัดความสัมพันธ์ระหว่างราคาหุ้นกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ดีอีกทาง

สำหรับค่าเบต้าของหุ้นคือค่าความผันผวนของราคาหุ้นเมื่อเทียบกับตลาด โดยในช่วงตลาดขาขึ้นต้องรุกด้วยหุ้นเบต้าเท่ากับ 1 หรือมากกว่า 1 (High Beta ) เพื่อเกาะกระแสการเคลื่อนไหวของ SET index ที่สดใส โดยเหมาะสำหรับนักลงทุนที่กล้ารับความเสี่ยงสูง

เนื่องจากแนวโน้มราคาหุ้นคาดจะเพิ่มมากกว่า SET index แต่อย่างไรก็ตามต้องระวังเพราะหุ้นประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงกว่าตลาด หากคาดการณ์ถูกก็มีโอกาสกำไรมากกว่า แต่ในทางกลับกันหากภาวะไม่เป็นไปตามคาดการณ์ก็มีโอกาสขาดทุนสูงเช่นกัน

ส่วนในช่วงตลาดขาลงหรือไร้ทิศทางนักลงทุนอาจปรับลดความเสี่ยงด้วยหุ้นเบต้าต่ำ (Low Beta) เพื่อช่วยลดทอนความเสี่ยงจากการลงทุนให้ผู้ลงทุนมีโอกาสเจ็บน้อยกว่า นอกจากนี้หุ้นเบต้าต่ำยังเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง และสำหรับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในการเติบโตของตลาดหุ้นระยะยาว และต้องการผลตอบแทนที่เกาะไปกับตลาดสามารถเลือกลงทุนหุ้นเบต้าเท่ากับ 1 ได้

แน่นอนในยามที่ตลาดผันผวนการเลือกลงทุนด้วยการพิจารณากลุ่มหุ้น Low Beta และ High Beta ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนให้คุ้มค่าและเหมาะกับภาวะตลาดฯ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าค่าเบต้าจะให้มุมมองเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อราคาหุ้น แต่ความเสี่ยงทั้งหมดไม่ได้ถูกสะท้อนออกมาด้วยค่าเบต้า (Beta) เพียงอย่างเดียว ดังนั้นนักลงทุนก็ควรเลือกเครื่องมืออื่นๆไว้พิจารณาประกอบการการลงทุนด้วยเช่นกัน

ด้านบล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SET Index มีโอกาส rebound…เลือกหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ทีมี Beta สูง ท่ามกลางปัจจัยกดดันจากภายนอก ทั้งสงครามการค้า และปัญหาการเมืองในยุโรป กดดันตลาดหุ้นโลกปรับฐานต่อเนื่องมานาน ส่งผลให้ SET Index ปรับฐานลง ตั้งแต่ต้นปี 2561 หรือจากยอดสูงสุด 1841 จุด จนถึงปัจจุบันลดลง 14% และหากพิจารณาเฉพาะ 2 สัปดาห์หลัง หลังจากที่จีน-สหรัฐ ประกาศพักรบ การประกาศสงครามทางการ จากวันที่ 4 ธ.ค.จนถึงวานนี้พบว่าดัชนีหุ้นไทยลดลงกว่า 5.3%  จนทำให้ดัชนีปิดหลุดต่ำกว่า 1600 จุด เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 เดือน

อย่างไรก็ตามระดับดัชนีปัจจุบันพบว่า มีค่า Expected P/E ปี 2561 อยู่ที่ราว 14.7 เท่า และลดลงเหลือ 14.1 เท่านั้นในปี 2562 ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน

ประกอบกับเชื่อว่าแรงขายต่างชาติลดลง และพร้อมจะกลับมาซื้อหุ้นไทยและเอเชีย หลังจากจากที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐลดลงมาใกล้กับของไทย ดังกล่าวข้างต้น น่าจะหนุนให้เห็นแรงซื้อต่างชาติกลับเข้ามาตลาดหุ้นไทยชัดเจนในปี 2562 และในสัปดาห์นี้คาดว่าน่าจะได้เห็นการ Rebound หรือฟื้นตัวของ SET Index

ฝ่ายวิจัยจึงทำการคัดกรองหุ้นด้วยวิธีเชิงปริมาณ โดยเลือกหุ้นที่ปรับลดลงแรง แต่มีปัจจัยพื้นฐานดี, เป็นหุ้นที่ฝ่ายวิจัยแนะนำ ซื้อ, มี upside สูง, ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโต และมีค่า Beta ที่สูงกว่า 1 เพื่อคาดหวังการฟื้นตัว rebound ที่แรงกว่าตลาดฯเน้นหุ้น Domestic เช่น KBANK, AMATA, WHA, ROBINS, BJC, CPALL, TASCO, CK, THANI เป็นต้น 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button