สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 20 ธ.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐอาจต้องปิดทำการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะไม่ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อตอบโต้พรรคเดโมแครตที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการจัดสรรงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,859.60 จุด ร่วงลง 464.06 จุด หรือ -1.99% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,467.42 จุด ลดลง 39.54 จุด หรือ -1.58% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,528.41 จุด ลดลง 108.42 จุด หรือ -1.63%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากกระแสการเทขายสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง อันเนื่องมาจากข่าวการปิดรันเวย์และระงับเที่ยวบินที่สนามบินแกตวิคของอังกฤษ หลังจากที่มีการพบโดรนในสนามบิน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.45% ปิดที่ 336.58 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,611.10 จุด ลดลง 155.11 จุด หรือ -1.44% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,711.93 จุด ลดลง 54.01 จุด หรือ -0.80% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,692.46 จุด ลดลง 84.99 จุด หรือ -1.78%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ แต่ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,711.93 จุด ลดลง 54.01 จุด หรือ -0.80%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือนเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด และแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 2.29 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 45.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. 2560
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 2.89 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 54.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. 2560
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 11.50 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1,267.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 5.10 เซนต์ หรือ 0.34% ปิดที่ 14.869 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 20 เซนต์ ปิดที่ 795.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 9.40 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1191.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พร้อมกับปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้และปีหน้า
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.11 เยน จากระดับ 112.35 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9869 ฟรังก์ จากระดับ 0.9942 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3496 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3494 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1469 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1371 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2670 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2622 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7118 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7114 ดอลลาร์สหรัฐ