PSH เปิดแผน 10 ปี โกยรายได้แตะ 1 แสนล้าน รุกแตกไลน์ธุรกิจใหม่-พัฒนาโครงการในทำเลทอง

PSH เปิดแผน 10 ปี โกยรายได้แตะ 1 แสนล้าน รุกแตกไลน์ธุรกิจใหม่-พัฒนาโครงการในทำเลทอง


นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมใน 10 ปี (ปี 61-70) แตะ 1 แสนล้านบาท โดยที่บริษัทจะสร้างการเติบโตของผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี ซึ่งธุรกิจหลักของพฤกษายังคงมาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ซึ่งยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัท และจะมีธุรกิจโรงพยาบาลวิมุติเข้ามาเสริม ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในปลายปี 63 พร้อมกับมองหาโอกาสในการขยายสาขาของโรงพยาบาลวิมุตติเพิ่มเติมในอนาคต

โดยปัจจุบันโรงพยาบาลวิมุตติอยู่ระหว่างการก่อสร้าง บริษัทได้มีโครงการนำร่องในธุรกิจโรงพยาบาล คือ บ้านวิมุตติ รังสิต คลอง 3 ที่ได้เปิดให้บริการไปแล้วเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 61 และในอนาคตก็มีโอกาสที่จะขยายสาขาบ้านวิมมุติไปตามชุมชนต่างๆ ขณะเดียวกันบริษัทยังมองหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจใหม่เพิ่มเติม ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในธุรกิจอื่นที่อยู่ในอสังหาริมทรัพย์ เพื่อทำให้พฤกษามีการกระจายรายได้ที่หลากหลาย และมีธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ประจำเข้ามา ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

ด้าน นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม PSH กล่าวว่า ปี 62 ถือเป็นปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก จากภาวะเศรษฐกิจโลกในปี 62 กลับมาชะลอตัวอีกครั้ง รวมถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังไม่มีความแน่นอนของการเจรจา ส่งผลกระทบมาถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยด้วย ทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 62 อาจจะเกิดการชะลอตัว และส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและการตัดสินใจซื้อ ซึ่งมีผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย

รวมไปถึงไนปี 62 จะมีการเริ่มใช้เกณฑ์การให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ และยังมีผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เพิ่มขึ้น 0.25% ส่งผลให้ความสามารถในการกู้ของลูกค้าลดลง ซึ่งทำให้การดำเนินธุรกิจในปีหน้าต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยที่การเติบโตของผลการดำเนินงานในปี 62 บริษัทจะตั้งเป้าการเติบโตอย่างระมัดระวัง เพื่อให้สอดคล้องกับปัจจัยลบที่มีอยู่มาก

สำหรับแผนการซื้อที่ดิน บริษัทจะเน้นการเลือกซื้อที่ดินที่เป็นทำเลเกรด A มากขึ้น เพราะบริษัทเล็งเห็นว่าทำเลที่ดีจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์และดึงดูดความสนใจของลูกค้ามากที่สุด ทำให้การขายของบริษัทสามารถขายได้อย่างรวดเร็ว และผนวกกับการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขาย ผ่านการขายออนไลน์ซึ่งบริษัทได้เริ่มไปแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างมากทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบ ซึ่งจะเห็นว่าโครงการแนวราบได้รับผลตอบรับมาก ทำให้พฤกษาสามารถขายโครงการแนวราบได้เฉลี่ย 100 ล้านบาท/วัน อีกทั้งบริษัทจะนำที่ดินที่เป็นที่ดินในมือที่มีอยู่มากออกมาพัฒนามากขึ้นในปี 62 เพื่อทำให้ที่ดินที่อยู่ในมือกลับมาสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทคืนมาได้

ขณะเดียวกัน นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม PSH กล่าวว่า แผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 62 จะเน้นการเปิดโครงการที่เป็นระดับ Star เป็นหลักที่เป็นกลุ่มระดับราคากลาง-บน และจะเน้นไปที่การพัฒนาโครงการที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น เช่น โครงการคอนโดมิเนียมจะพัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ เป็นอาคารสูง และอยู่ในทำเลที่ดีตามแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก ระดับราคาคอนโดมิเนียมที่จะเน้นในปี 62 อยู่ที่ 3-5 ล้านบาท ส่วนการขายจะเน้นการขายที่เร็วมากขึ้น โดยจะดึงดูดการขายในช่วงแรกเข้ามามาก เพื่อทำให้บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) รองรับรายได้ในอนาคตเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่แผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 62 จะใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 68 โครงการ แต่มูลค่าโครงการจะเพิ่มมากขึ้นจากปีนี้ที่ 6.14 หมื่นล้านบาท เพราะการพัฒนาโครงการมีขนาดใหญ่มากขึ้น และจะนำแบรนด์ IVY กลับมาทำตลาดอีกครั้ง ซึ่งเตรียมที่จะเปิดโครงการ IVY ในปี 62 จำนวน 2 โครงการ โดยจะมีทำเลที่อยู่สุขุมวิท 18 ทำเลรถไฟฟ้าอินเตอร์เชนจ์ เป็นคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ มูลค่า 4-5 พันล้านบาท แบ่งเป็น 2 เฟส ราคาขาย 200,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งจะเริ่มเปิดการขายในช่วงเดือนต.ค. 62

ส่วนโครงการ IVY อีกทำเลหนึ่งยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ โดยปัจจุบันในกลุ่ม Value ของพฤกษา จะมี 4 แบรนด์ ได้แก่ Plum, Privacy, The Tree และ IVY โดยส่วนสัดส่วนโครงการของพฤกษาในปี 62 จะยังคงเป็นทาวน์เฮาส์ 40% คอนโดมิเนียม 40% และบ้านเดี่ยว 20%

นอกจากนี้ การพัฒนาโครงการจะเน้นไปที่กลุ่มซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงมากขึ้น เพราะในปี 62 มองว่าสถานการณ์การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จะชะลอลงตามภาวะของเศรษฐกิจ ส่งผลต่อความไม่มั่นใจในการลงทุน และลดการลงทุนลง แต่บริษัทมีสัดส่วนลูกค้าที่เป็นนักลงทุนไม่มากเพียง 20%

ส่วนลูกค้าชาวจีนที่มีสัดส่วน 30% มองว่าในปี 62 อาจจะมีสัดส่วนที่ลดลง เพราะภาวะของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว และการควบคุมของรัฐบาลจีนที่เข้มงวดมากขึ้น ทำให้กลุ่มลูกค้าชาวจีนเริ่มลดการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยลงไป แต่มองว่าไม่ได้รับผลกระทบกับบริษัทมาก เพราะมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อย ซึ่งบริษัทยังคงเน้นการขายให้กับกลุ่มลูกค้าชาวไทยเป็นหลัก

ขณะที่ผลกระทบของเกณฑ์ LTV ใหม่ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะกระทบต่อลูกค้าที่ซื้อโครงการคอนโดมิเนียมและทาวน์โฮมบ้าง แต่บริษัทไม่กังวลมากนัก เพราะมีการช่วยลูกค้าในการเตรียมความพร้อม ส่วนกลุ่มบ้านเดี่ยวมองว่าไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และราคาบ้านเดี่ยวอยู่ไนระดับ 5-10 ล้านบาท ซึ่งมีการพึ่งพาสินเชื่อไม่มาก ขณะที่แนวโน้มยอดโอนในปี 62 บริษัทไม่มีความกังวล เพราะมี Backlog รองรับไว้แล้ว 100% ของกลุ่ม Value โดยที่ยอดโอนของกลุ่ม Value จะเติบโตราว 15% ในปี 62

ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัทในเครือ PSH กล่าวว่า ภาพรวมของกลุ่มพรีเมียมในปี 62 จะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะยอดโอนที่จะเติบโตกว่า 200% มาอยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท จากปีนี้ที่ 2 พันล้านบาท เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมโครงการใหญ่สามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้เต็มปี คือ โครงการ Chapter One Eco รัชดา-ห้วยขวาง มูลค่า 5.3 พันล้านบาท ซึ่งในปีนี้ได้มีการโอนเข้ามา 2 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยโอนในปี 62 ทั้งหมด ส่งผลให้ยอดโอนในปี 62 เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยที่ปัจจุบันกลุ่มพรีเมียมมี Backlog ทั้งหมด 1.6 หมื่นล้านบาท จะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 64

ส่วนการเปิดโครงการของกลุ่มพรีเมียม จะเป็นการเปิดโครงการที่เจาะกลุ่ม Exclusive ซึ่งจะเป็นทำเลที่จับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ อย่างเช่น ทำเลย่านทองหล่อ และทำเลติดแม่น้ำเจ้าพระยา และมีราคาที่คิดว่าไม่สามารถหาได้ในตลาดอีกแล้ว ซึ่งเป็นกลยุทธ์ใหม่ของบริษัทในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ส่วนยอดขายในปี 62 ของกลุ่มพรีเมียมตั้งเป้าไว้ที่ 8 พันล้านบาท จากปีนี้ที่ 6.8 พันล้านบาท โดยมองว่าภาวะการชะลอตัวของตลาดที่เกิดขึ้นในปี 62 จะไม่ได้รับผลกระทบกับลูกค้ากลุ่มพรีเมียมมาก เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จะมีผลกระทบต่อความสามารถในการกู้ของลูกค้าลดลง 2% แต่ยังมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 62 ยังไปต่อได้

Back to top button