สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 7 ม.ค. 2562
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กำลังดำเนินไปในขณะนี้ จะสามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองประเทศได้ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากสหรัฐเผยดัชนีภาคบริการที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ในสหรัฐที่ล่วงเข้าสู่วันที่ 17
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,531.35 จุด เพิ่มขึ้น 98.19 จุด หรือ +0.42% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,823.47 จุด เพิ่มขึ้น 84.61 จุด หรือ +1.26% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,549.69 จุด เพิ่มขึ้น 17.75 จุด หรือ +0.70%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการที่อังกฤษจะจัดการลงมติในรัฐสภาต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 15 ม.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.15% ปิดที่ระดับ 342.88 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,747.81 จุด ลดลง 19.88 จุด หรือ -0.18% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,719.17 จุด ลดลง 17.94 จุด หรือ -0.38% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,810.88 จุด ลดลง 26.54 จุด หรือ -0.39%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตารัฐสภาอังกฤษซึ่งจะลงมติต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 15 ม.ค.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,810.88 จุด ลดลง 26.54 จุด หรือ -0.39%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนธ.ค.
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 4.10 ดอลลาร์ หรือ 0.32% ปิดที่ 1,289.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 15.756 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 2.9 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 824.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1240.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่า การผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับตัวลดลงในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังดีดตัวขึ้นขานรับความหวังที่ว่า การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะช่วยคลี่คลายข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 48.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 57.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9794 ฟรังก์ จากระดับ 0.9864 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3296 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3394 ดอลลาร์แคนาดา อย่างไรก็ดี ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.60 เยน จากระดับ 108.52 เยน
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1478 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1398 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2769 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2740 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7142 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7116 ดอลลาร์สหรัฐ