SCB ร่วง 3% วิตกกำไรไตรมาส 4/61 อ่อนตัวเซ่นค่าใช้จ่ายพุ่ง ฟากโบรกฯยังแนะ”ซื้อ”เป้า 158 บ.
SCB ร่วง 3% วิตกกำไรไตรมาส 4/61 อ่อนตัวเซ่นค่าใช้จ่ายพุ่ง ฟากโบรกฯยังแนะ "ซื้อ" เป้า 158 บ. โดยล่าสุด ณ เวลา 10.53 น. อยู่ที่ระดับ 132.50 บาท ลบ 3.50 บาท หรือ 2.57% สูงสุดที่ระดับ 135 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 132 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 430.43 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ณ เวลา 10.53 น. อยู่ที่ระดับ 132.50 บาท ลบ 3.50 บาท หรือ 2.57% สูงสุดที่ระดับ 135 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 132 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 430.43 ล้านบาท
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/61 อยู่ที่ระดับ 9,992 ล้านบาท อ่อนตัวลง 5% จากไตรมาสก่อน แต่ยังเติบโต 9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยปัจจัยกดดันมาจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลตามฤดูกาล และอีกส่วนหนึ่งมาจากค่าใช้จ่ายการ Transformation
สำหรับประเด็นสำคัญสำหรับ SCB
1.คาดรายได้ดอกเบี้ยสุทธิทรงตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ NIM คาดว่าจะทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน
2.รายได้ค่าธรรมเนียมอาจมีแนวโน้มทรงตัวกับไตรมาสก่อนเช่นกัน แต่เมื่อรวมกับรายได้อื่น อาทิ กำไรจากการขายเงินลงทุนแล้ว ทำให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยโดยรวมอ่อนตัวลงราว 4% จากไตรมาสก่อนหน้า
3.คาดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้นราว 4% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ทำให้ Cost-to-income ratio เพิ่มเป็น 49.4%
4.ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้อาจทรงตัว เนื่องจากไม่มีสัญญาณที่คุณภาพหนี้จะปรับตัวแย่ลง ขณะที่คุณภาพหนี้ของสินเชื่อบ้านคาดว่าจะมีแนวโน้มทรงตัวหรือดีขึ้น เนื่องจากการแข่งขันในตลาดลดลง และธนาคารต่างๆ ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิปี 62 ของ SCB คาดว่าจะเห็นการเติบโตราว 7% ปัจจัยหนุนหลักคาดว่าจะมาจากรายได้ทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในระบบ IT ส่วนค่าใช้จ่ายสำรองหนี้คาดว่าจะเริ่มทรงตัวได้จากคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น สำหรับประเด็นดอกเบี้ยในตลาดที่คาดว่าจะเป็นขาขึ้นนั้น หากเพิ่มขึ้นทุกๆ 25 bps จะส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรของ SCB ราว 3.2%
พร้อมคงราคาเป้าหมายปี 62 ที่ 158 บาท อิง PBV 1.31 เท่า แม้แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/61 และไตรมาส 1/62 อาจยังไม่เด่น เนื่องจากค่าใช้จ่ายในกระบวนการ Transformation ของธนาคารยังอยู่ในระดับสูง แต่หลังจากนั้นคาดว่าจะเห็นแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้นตามลำดับ ขณะที่ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาทำให้ Upside ยังสูง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”