สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 14 ม.ค. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ทั้งในเดือนธ.ค.และตลอดปี 2561 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิป หลังจากบริษัทไดอะล็อค เซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2561 ที่ระดับต่ำสุดของตัวเลขคาดการณ์ ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และเน็ตฟลิกซ์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,909.84 จุด ลดลง 86.11 จุด หรือ -0.36% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,582.61 จุด ลดลง 13.65 จุด หรือ -0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,905.92 จุด ลดลง 65.56 จุด หรือ -0.94%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่รัฐสภาอังกฤษจะทำการลงมติต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.48% ปิดที่ 347.51 จุด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,855.02 จุด ลดลง 63.16 จุด หรือ -0.91% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,855.91 จุด ลดลง 31.55 จุด หรือ -0.29% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,762.75 จุด ลดลง 18.59 จุด หรือ -0.39%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ทั้งในเดือนธ.ค.และปี 2561 นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่รัฐสภาอังกฤษจะทำการลงมติต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,855.02 จุด ลดลง 63.16 จุด หรือ -0.91%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังการทางการจีนเปิดเผยตัวเลขการค้าที่ซบเซา ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันของจีน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.08 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 50.51 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 58.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำเช่นกัน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 1291.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.19% ปิดที่ 15.686 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 15.5 ดอลลาร์ หรือ 1.89% ปิดที่ 802.50 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 3.30 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1282.00  ดอลลาร์/ออนซ์

 

เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) ก่อนที่รัฐสภาอังกฤษจะทำการลงมติต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ทั้งในเดือนธ.ค.และตลอดปี 2561

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2865 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2845 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1.1465 ดอลลาร์ ส่วนสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7198 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7206 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.20 เยน จากระดับ 108.48 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9813 ฟรังก์ จากระดับ 0.9844 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3267 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3271 ดอลลาร์แคนาดา

 

Back to top button