สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 15 ม.ค. 2562
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ ขานรับรายงานข่าวที่ว่า จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นเหนือนแนวต้านที่ระดับ 7,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน หลังจากราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์พุ่งขึ้นกว่า 6% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,065.59 จุด เพิ่มขึ้น 155.75 จุด หรือ +0.65% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,023.83 จุด เพิ่มขึ้น 117.92 จุด หรือ +1.71% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,610.30 จุด เพิ่มขึ้น 27.69 จุด หรือ +1.07%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการลงมติของรัฐสภาอังกฤษต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการซื้อขายก่อนที่รัฐสภาอังกฤษจะแถลงมติดังกล่าว
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.35% ปิดที่ 348.71 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,891.79 จุด เพิ่มขึ้น 35.88 จุด หรือ +0.33% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,786.17 จุด เพิ่มขึ้น 23.42 จุด หรือ +0.49% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,895.02 จุด เพิ่มขึ้น 40.00 จุด หรือ +0.58%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่า จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการลงมติของรัฐสภาอังกฤษต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการซื้อขายก่อนที่รัฐสภาอังกฤษจะแถลงมติดังกล่าว
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,895.02 จุด เพิ่มขึ้น 40.00 จุด หรือ +0.58%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) ขานรับรายงานที่ว่า จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 52.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.65 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 60.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังลดความน่าดึงดูดของทองคำเช่นกัน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 2.90 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,288.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 6.6 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 15.62 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 2.4 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 800.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 4.90 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1277.10 ดอลลาร์/ออนซ์
เงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) หลังจากรัฐสภาอังกฤษคว่ำร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่พรรคฝ่ายค้าอังกฤษเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น
เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2836 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2865 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1400 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1465 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7193 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7198 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.58 เยน จากระดับ 108.20 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9881 ฟรังก์ จากระดับ 0.9813 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3282 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3267 ดอลลาร์แคนาดา