สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 16 ม.ค. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) หลังจากธนาคารรายใหญ่อย่างโกลด์แมน แซคส์ และแบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาด โดยรายงานดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น และสามารถสกัดปัจจัยลบจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,207.16 จุด พุ่งขึ้น 141.57 จุด หรือ +0.59% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,616.10 จุด เพิ่มขึ้น 5.80 จุด หรือ +0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,034.69 จุด เพิ่มขึ้น 10.86 จุด หรือ +0.15%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากรัฐสภาอังกฤษลงมติคว่ำร่างข้อตกลง Brexit  ขณะที่นักลงทุนจับตาสมาชิกสภาสามัญชนอังกฤษเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการซื้อขายก่อนที่สภาจะแถลงมติการอภิปรายดังกล่าว

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,862.68 จุด ลดลง 32.34 จุด หรือ -0.47%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นดอยซ์แบงก์ ขณะที่นักลงทุนจับตาสมาชิกสภาสามัญชนอังกฤษเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการซื้อขายก่อนที่สภาจะแถลงมติการอภิปรายดังกล่าว

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.54% ปิดที่ 350.59 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,931.24 จุด เพิ่มขึ้น 39.45 จุด หรือ +0.36% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,810.74 จุด เพิ่มขึ้น 24.57 จุด หรือ +0.51% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,862.68 จุด ลดลง 32.34 จุด หรือ -0.47%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 และลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 52.31 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 61.32 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) รวมทั้งสถานการณ์ชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อในสหรัฐ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 5.40 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,293.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 15.638 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 7.8 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 807.90 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 41.40 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 1,318.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สกุลเงินปอนด์ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) หลังจากสมาชิกสภาสามัญชนของอังกฤษลงมติให้ความไว้วางใจต่อรัฐบาลของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซนอ่อนแอมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2870 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2836 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1398 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1400 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7176 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ  0.7193 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.92 เยน จากระดับ 108.58 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9906 ฟรังก์ จากระดับ 0.9881 ฟรังก์ อย่างไรก็ดี ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3249 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3282 ดอลลาร์แคนาดา

 

 

Back to top button