สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 18 ม.ค. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันศุกร์ (18 ม.ค.) โดยภาวะการซื้อขายได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐกำลังพิจารณาที่จะการผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ขณะที่จีนเองก็ได้เสนอเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจได้รับการแก้ไขในเร็ววัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยบดบังความกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ในสหรัฐที่ยังคงยืดเยื้อ รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่น่าผิดหวัง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,706.35 จุด เพิ่มขึ้น 336.25 จุด หรือ 1.38% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,670.71 จุด เพิ่มขึ้น 34.75 จุด หรือ 1.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,157.23 จุด เพิ่มขึ้น 72.76 จุด หรือ 1.03%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันศุกร์ (18 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐอาจผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน และจีนเสนอเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 6.32 จุด หรือ 1.80% ปิดที่ 357.05 จุด และทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น 1.9%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,205.54 จุด เพิ่มขึ้น 286.92 จุด หรือ 2.63% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,875.93 จุด เพิ่มขึ้น 81.57 จุด หรือ 1.70% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,968.33 จุด เพิ่มขึ้น 133.41 จุด หรือ 1.95%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นในวันศุกร์ (18 ม.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และบริษัทสร้างบ้าน โดยภาวะการซื้อขายได้แรงหนุนจากการที่ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐอาจผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน และจีนเสนอเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,968.33 จุด พุ่งขึ้น 133.41 จุด หรือ 1.95% ขณะที่ทั้งสัปดาห์ดัชนีปรับตัวขึ้นเกือบ 1%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงในวันศุกร์ (18 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและดอลลาร์สหรัฐ หลังตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 9.70 ดอลลาร์ หรือ 0.75% ปิดที่ 1,282.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และลดลง 0.5% ในรอบสัปดาห์ ซึ่งเป็นการลดลงสัปดาห์แรกนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธ.ค.

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 13.7 เซนต์ หรือ 0.88% ปิดที่ 15.399 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 10.2 ดอลลาร์ หรือ 1.26% ปิดที่ 802.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 13.1 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,335.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 3% ในวันศุกร์ (18 ม.ค.) หลังมีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนธ.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังได้แรงหนุน หลังมีสัญญาณที่ดีว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังจะได้รับการคลี่คลายในเร็ววันนี้ ขณะเดียวกัน เบเกอร์ ฮิวจ์ เผยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์ในสหรัฐลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีส่วนสนับสนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.73 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 53.80 ดอลลาร์/บาร์เรล และเพิ่มขึ้น 4.3% ตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 62.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ทั้งสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 3.7%

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (18 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านการค้าที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน โดยมองว่าจะคลี่คลายลงได้ในอีกไม่นานนี้ หลังมีรายงานว่า สหรัฐกำลังพิจารณาที่จะผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ขณะที่ทางฝั่งจีนเองก็ได้เสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.78 เยน จากระดับ 109.26 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9952 ฟรังก์ จากระดับ 0.9937 ฟรังก์ และแข็งค่าแตะ 1.3269 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3266 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1369 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1390 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2871 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2987 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7167ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7200 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Back to top button