สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากสื่อรายงานว่าทำเนียบขาวได้ปฏิเสธแผนการจัดการเจรจาการค้ากับจีนในสัปดาห์นี้ รวมทั้งรายงานที่ว่ารัฐบาลสหรัฐจะยื่นคำร้องให้แคนาดาส่งตัวผู้บริหารของบริษัทหัวเว่ยกลับมาดำเนินคดีในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,404.48 จุด ร่วงลง 301.87 จุด หรือ -1.22% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,632.90 จุด ลดลง 37.81 จุด หรือ -1.42% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,020.36 จุด ดิ่งลง 136.87 จุด หรือ -1.91%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และจากการที่จีนระบุว่า เศรษฐกิจภายในประเทศปี 2561 ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 28 ปี

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ 0.36% แตะที่ระดับ 355.09 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,090.11 จุด ลดลง 46.09 จุด หรือ -0.41% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,901.39 จุด ลดลง 69.20 จุด หรือ -0.99% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,847.53 จุด ลดลง 20.24 จุด หรือ -0.42%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเกือบ 1% เมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากธนาคารยูบีเอสเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจทั่วโลก

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,901.39 จุด ลดลง 69.20 จุด หรือ -0.99%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจจีนนั้น จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวลดลงด้วย

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 1.23 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 52.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.20 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 61.50 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) เนื่องจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำเช่นกัน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 1,283.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 7.40 เซนต์ หรือ 0.48% ปิดที่ 15.325 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 10.90 ดอลลาร์ หรือ 1.36% ปิดที่ 791.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ดิ่งลง 28.60 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 1306.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.29 เยน จากระดับ 109.64 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9970 ฟรังก์ จากระดับ 0.9976 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3349 ดอลลาร์แคนดา จากระดับ 1.3293 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1362 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1369 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2956 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2888 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7118 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7158 ดอลลาร์สหรัฐ