“บล.เออีซี”ชี้ SET วันนี้ปรับขึ้นต่อ คัด 11 หุ้นเด่นดึงเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า

“บล.เออีซี”ชี้ SET วันนี้ปรับขึ้นต่อ คัด 11 หุ้นเด่นดึงเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า


บล.เออีซี ประเมินดัชนีวันนี้ (25ม.ค.62)คาดดัชนี SET มีโอกาสปรับขึ้นต่อ โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจาก Sentiment ในประเทศที่ดี การกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจน (24 มี.ค.) บวกกับค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพ คาดเป็นปัจจัยช่วยดึงดูดให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดย Year to Date นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นราว 4,212 ล้านบาท จึงขยับกรอบแนวรับรายวันมาที่ 1,615 จุด และแนวต้านที่ 1,630 จุด

Investment Strategy

สัปดาห์หน้าายังมุมมองบวกต่อ SET Index หลังการเลือกตั้งมีความคืบหน้าชัดเจน คาดช่วยกระตุ้นให้มีซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นตาม เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย Philippines เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 17.1x, Indonesia เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 14.9x และ ไทยเทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 13.8x ดังนั้นยังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นเด่น + 1 กลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ดังนี้

1.(+) กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยวันนี้ ธปท. จะประชุมชี้แจงเกณฑ์การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน โดยจากข้อมูลสรุปเบื้องต้นของ ธปท. ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่ 1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ. 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้ และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน28% ซึ่งมองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้าแนะนำ SAWAD (คาดปี62กำไรโต32.1%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากแผนขยายสินเชื่อใหม่ 20-30%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก 300-400 สาขาบวกกับรับรู้ผลของ Yield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี 62 โต 31.9%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำ New High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมี NPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และ AMANAH (ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้ NPL ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)

2.กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำAMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 แสน ตร.ม.), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยเซ็นสัญญาให้บริการแก่GULF (รับรู้รายได้ปี 63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี 64)

3.กลุ่มโรงไฟฟ้า: ลักษณะธุรกิจที่มีความสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และเลือกหุ้นโรงไฟฟ้าที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องได้อีก 4-5 ปีข้างหน้า ได้แก่ BGRIM ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 682MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.77GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 3.13GW, BPP ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 312MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 2.48GW ณสิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 68 ที่ 4.3GW, GUNKUL ปี 62 มีแผน COD โรงไฟฟ้าโซลาร์อีก 105MW ทำให้มีกำลังผลิตรวม 401MW ณ สิ้นปี 62 และมีเป้าหมายระยะยาวในปี 65 ที่ 543MW.

4.หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่น บวกกับ Cheap Valuation ได้แก่ JMT (แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง และบริษัทประกาศซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารมูลค่า 1 พัน ลบ. มีแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน หนุนยอดหนี้แตะ 1.4 แสน ลบ.และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี), HARN (อานิสงส์ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หนุนธุรกิจสินค้านำเข้ามีมาร์จิ้นดีขึ้น บวกกับ เป้าการเติบโตปี 61 ที่ 10.7%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ปี 62 ที่ 8.2%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน Backlog ณ สิ้น 3Q61 ที่ 414 ลบ.)

Back to top button