“บล.เออีซี”ชี้ SET วันนี้ไปต่อ เคาะ 11 หุ้นเด่นเน้นกลุ่มท่องเที่ยว-จำนำทะเบียนรถ-นิคมอุตฯ
“บล.เออีซี”ชี้ SET วันนี้ไปต่อ เคาะ 11 หุ้นเด่นเน้นกลุ่มท่องเที่ยว-จำนำทะเบียนรถ-นิคมอุตฯ
บล.เออีซี ประเมินดัชนีวันนี้ (29ม.ค.62) คาดดัชนี SET มีโอกาสปรับขึ้นต่อ โดยมีแรงขับเคลื่อนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อระบบการเมืองไทยหลังการเลือกตั้งมีความคืบหน้าชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับแนวโน้มสดใสของจำนวนนักท่องเที่ยวคาดเป็นปัจจัยช่วยดึงดูดให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดย Year to Date นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นราว 6,715.6 ล้านบาท โดยมีกรอบแนวรับรายวันมาที่ 1,620 จุด และแนวต้านที่ 1,635 จุด
Investment Strategy
สัปดาห์นี้ยังมุมมองบวกต่อ SET Indexหลังการเลือกตั้งมีความคืบหน้าชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ คาดช่วยกระตุ้นให้มีซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นตาม เพราะดัชนีหุ้นไทย Laggard สุดในกลุ่ม TIP Market โดย Philippines เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 17.1x, Indonesia เทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 14.9x และ ไทยเทรด Fwd PE ปีนี้ที่ 13.8x ดังนั้นยังคงแนะนำ 3 กลุ่มหุ้นเด่น + 1 กลุ่มหุ้นขนาดเล็ก ดังนี้
กลุ่มท่องเที่ยว: วานนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประกาศจำนวนนักท่องเที่ยวปี 61 ที่ 38.27 ล้านคน โต 7.54%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนปี 62 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 41.1ล้านคนโต 7.5%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนสร้างรายได้ 2.21 ล้านล้านบาทโต 10%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยแนวโน้มรายสัญชาติคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีน 11.69 ล้านคนโต 11%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากประเทศในอาเซียน 11.31 ล้านคนโต 10%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากยุโรป 6.90 ล้านคนโต 2%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (สำนักข่าวอินโฟเควสท์) แนะนำ CENTEL (แนวโน้มธุรกิจปี 62 บริษัทตั้งเป้าธุรกิจโรงแรมมีอัตราการเข้าพักสำหรับโรงแรมเดิมจะอยู่ในช่วง 83-85%
ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักตั้งเป้าเติบโตประมาณ 4-6%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรวมคาดรายได้รวมธุรกิจโรงแรมในปีหน้ายังคงเติบโต แม้ปีหน้าจะมีการปิดปรับปรุงโรมแรมเซ็นทาราแบรนด์บีชรีสอร์ท (สมุย) ส่วนธุรกิจอาหารตั้งเป้าจะมีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม 3-4%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้ง),
ERW (คาดปี 62 ผลดำเนินงานมีทิศทางปรับดีขึ้น หลังผ่านพ้นช่วง Renovate ของโรงแรม JW Marriot ทำให้จำนวนห้องพักและราคาห้องเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิดโรงแรมใหม่อีก 9 แห่ง โดยเน้นขยายในส่วนของ HOP INN ซึ่งตอบโจทย์ตลาดต่างจังหวัดได้ดี ตามเป้าหมายเพิ่มจำนวนโรงแรมเป็น 70 แห่งและจำนวนห้องที่ 9,559 ห้อง) และ AOT ปี 61/62 คาดกำไรโต 15.3%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 1Q61/62 (ต.ค.-ธ.ค. 61) คาดกำไรจะยังโต เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสถิติการบินที่สดใส โดย International Passenger เพิ่มขึ้น 3.32%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, Domestic Passenger เพิ่มขึ้น 2.0%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 5.88%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
กลุ่มจำนำทะเบียนรถ: รับผลบวกจากกฎระเบียบมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยวันนี้ ธปท. จะประชุมชี้แจงเกณฑ์การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน โดยจากข้อมูลสรุปเบื้องต้นของ ธปท. ระบุถึงการควบคุมผู้ให้บริการในระดับประเทศได้แก่1) ผู้ประกอบการต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ลบ. 2) ไม่กำหนดวงเงินสินเชื่อขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้และ 3) อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน28% ซึ่งมองว่าไม่ได้ต่างไปจากที่ตลาดคาดก่อนหน้าแนะนำ SAWAD(คาดปี 62 กำไรโต 32.1%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากแผนขยายสินเชื่อใหม่20-30%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนสอดรับกับจำนวนสาขาที่จะเพิ่มขึ้นอีก300-400สาขาบวกกับรับรู้ผลของYield ที่ฟื้นตัวแบบเต็มปีและต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตรราว 2,500-2,600 ลบ.), MTC (คาดกำไรปี62โต 31.9%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำ New High ต่อเนื่องหลังมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการให้ครอบคุมมากขึ้นขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมี NPL ต่ำสุดในกลุ่ม) และ AMANAH (ปี 62 คาดกำไรยังโตต่อเนื่องหนุนด้วยการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของสินเชื่อ ATM (Yield สูงกว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถแบบเดิม) มากขึ้นพร้อมทั้งเน้นขยายสินเชื่อใหม่ผ่านตัวแทนลดความจำเป็นของการเปิดสาขาใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและคุมหนี้ NPL ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น)
กลุ่มนิคมและสาธารณูปโภค: อานิสงส์บวกทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่นแนะนำAMATA (ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว8,172 ไร่), WHA (ปี 62 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมไม่ต่ำกว่า1,000 ไร่พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า1แสน ตร.ม.), EASTW ปี 62 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรสอดคล้องไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเขต EEC ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำดิบในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นนอกจากนี้ในระยะยาวบริษัทยังมุ่งเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายน้ำควบคุมคุณภาพ (มาร์จิ้นสูง) มากขึ้นโดยเซ็นสัญญาให้บริการแก่ GULF (รับรู้รายได้ปี 63) และ AMATA (รับรู้รายได้ปี 64)
หุ้นขนาดเล็กที่คาดกำไรปี 62 โตเด่น บวกกับ Cheap Valuation ได้แก่ JMT (แนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง และบริษัทประกาศซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันชุดใหม่มาบริหารมูลค่า 1 พัน ลบ. มีแผนเพิ่มสัดส่วนหนี้มีหลักประกัน หนุนยอดหนี้แตะ 1.4 แสน ลบ.และมีความสามารถในการจัดเก็บหนี้ที่อยู่ในเกณฑ์ดี), HARN (อานิสงส์ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หนุนธุรกิจสินค้านำเข้ามีมาร์จิ้นดีขึ้น บวกกับ เป้าการเติบโตปี 61 ที่ 10.7%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ปี 62 ที่ 8.2%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน Backlog ณ สิ้น 3Q61 ที่ 414 ลบ.)