สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 29 ม.ค. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัท 3M และไฟเซอร์ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และดัชนี S&P500 ต่างก็ปิดในแดนลบ เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงก่อนที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ จะเปิดเผยผลประกอบการ และจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,579.96 จุด เพิ่มขึ้น 51.74 จุด หรือ +0.21% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,640.00 จุด ลดลง 3.85 จุด หรือ -0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,028.29 จุด ลดลง 57.39 จุด หรือ -0.81%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภค รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยี นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ส่งสัญญาณว่า ECB อาจกลับมาทำการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หากมีความจำเป็น

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.80% ปิดที่ 357.23 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,218.83 จุด เพิ่มขึ้น 8.52 จุด หรือ +0.08% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,833.93 จุด เพิ่มขึ้น 86.83 จุด หรือ +1.29% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,928.18 จุด เพิ่มขึ้น 39.61 จุด หรือ +0.81%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนที่รัฐสภาอังกฤษทำการลงมติต่อร่างแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่มีการเสนอมาจากสมาชิกรัฐสภา โดยตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการซื้อขายก่อนที่รัฐสภาอังกฤษจะแถลงผลการลงมติดังกล่าว

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,833.93 จุด เพิ่มขึ้น 86.83 จุด หรือ +1.29%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,308.90 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 7.4 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 15.839 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 815.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 14.30 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1303.60  ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) หลังจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา ซึ่งจะทำให้เวเนซุเอลาไม่สามารถส่งออกน้ำมันไปต่างประเทศ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 53.31 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 61.32 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) รัฐสภาอังกฤษทำการลงมติต่อร่างแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่มีการเสนอมาจากสมาชิกรัฐสภาเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย

เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3100 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3157 ขณะที่ยูโรทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1.1427 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7148 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7165 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.27 เยน จากระดับ 109.35 เยน แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9950 ฟรังก์ จากระดับ 0.9916 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3283 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ  1.3256 ดอลลาร์แคนาดา

 

Back to top button