ลุ้น MSCI เคาะเกณฑ์ใหม่หนุนฟันด์โฟลว์เข้าไทย “บล.โนมูระ”ชู 4 หุ้นเด่นลุ้นเข้าคำนวณพ.ค.นี้
ลุ้น MSCI เคาะเกณฑ์ใหม่หนุนฟันด์โฟลว์เข้าไทย "บล.โนมูระ" ชู 4 หุ้นเด่น แนะสะสม ลุ้นเข้าคำนวณรอบพ.ค.นี้
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ม.ค.) ว่า การเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของ MSCI ในเดือน มี.ค. ‑ จะหนุน Fund flow เข้าไทย โดย MSCI Rebalance รอบประกาศ 11 ก.พ.2562 และมีผล 28 ก.พ. 2562 คาดว่าจะไม่มีหุ้นไทยเข้าออกใหม่ แต่ MSCI กำลังจะปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์สำหรับ Investment Limits ในการคำนวณดัชนี ซึ่งจะกระทบต่อน้ำหนักการลงทุนในบางประเทศ รวมถึงจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของหุ้นเข้า/ออกและน้ำหนักการลงทุนของหุ้นรายตัว โดยกฎเกณฑ์ 4 ข้อที่มีการเปลี่ยนแปลง อยู่ในช่วง Public Hearing จนถึง 14 มี.ค. และจะประกาศอย่างเป็นทางการ 29 มี.ค. และจะมีผลในรอบ Semi-Annual Review เดือนพ.ค. เป็นต้นไป โดยกฎเกณฑ์ทั้ง 4 ข้อที่มีการเปลี่ยนแปลง ได้แก่
1.) กำหนดเกณฑ์การนำหุ้นที มี Individual Ownership Limits เข้าคำนวณในดัชนี โดยบริษัทกำหนด Individual Ownership Limits เพื่อเป็นการจำกัดสัดส่วนการถือลงทุนต่อบุคคล ซึ่งในบางประเทศ เช่น จีน อินเดีย และกลุ่มการเงินในรัสเซีย มีการกำหนดไว้เป็นกฎหมาย แต่อย่างไรก็ดีการจำกัดสัดส่วนการถือลงทุนต่อบุคคลนั้น อาจเป็นการจำกัดการลงทุนของสถาบันด้วย MSCI จึงเสนอแก้ไขกฎเกณฑ์บางประการ ทั้งนี้ การเพิ่มกฎข้อนี้ ไม่มีผลต่อ MSCI Global Index อย่างมีนัยสำคัญ
2.) ปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์หุ้นไทย ทำให้น้ำหนักในไทยอาจเพิ่มขึ้น จาก 2.5% สู่ 3% โดย MSCI ปรับเปลี่ยนกฏเกณฑ์ในการนำหุ้นไทยเข้าคำนวณในดัชนี โดยในปัจจุบัน MSCI คิดคำนวณจาก Foreign Share แต่เนื่องจาก Foreign Share มี Foreign Ownership Limits (FOL) ซึ่งคือการจำกัดสัดส่วนการถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติ จึงทำให้หุ้นที่มี FOL เหลือน้อย (เช่นหุ้นที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นนักลงทุนต่างชาติอยู่แล้ว) ไม่สามารถเข้าคำนวณในดัชนีได้ แม้ว่าจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ก็ตาม
ดังนั้น MSCI จึงปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ โดยคิดคำนวณจาก NVDR แทน โดยสำหรับกลุ่มการเงินจะยังมีการจำกัดสัดส่วนของ NVDR แต่สำหรับกลุ่ม Real Sector จะไม่มีการจำกัดสัดส่วน FOL หรือ NVDR แต่อย่างใด จึงทำให้หุ้นที่ FOL เหลือน้อย แต่มีสัดส่วน NVDR และมีมูลค่าตลาดสูง จะเข้าคำนวณในดัชนีใหม่ได้
สำหรับกฎเกณฑ์ใหม่นี้ ถ้าได้รับการอนุมัติ คาดว่าน้ำหนักของไทยใน MSCI EM จะเพิ่มขึ้นจาก 2.5% สู่ 3% คิดเป็นเม็ดเงินจาก Passive Fund กว่า 1.11 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3.5 หมื่นล้านบาท ที่จะกระจายเข้ามาในหุ้นใน MSCI Thailand และจะมีหุ้น 4 บริษัท ที่คาดว่าจะถูกนำเข้าคำนวณใหม่ในรอบเดือนพ.ค.นี้ ได้แก่ INTUCH, DTAC, RATCH, CENTEL ขณะที่หุ้นที่เสี่ยงถูกถอดออก คือ MTC
3.) การเปลี่ยนแปลงการคำนวณ Foreign Ownership Limit สำหรับหุ้นอินเดีย โดย MSCI ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การคำนวณ Foreign Ownership Limits (FOL) โดยไม่รวม Depositary Receipts (DR)* เข้าไปในการคำนวณ สะท้อน Liquidity ลดลง ในกรณีนี้จะส่งผลลบต่อน้ำหนักการลงทุนของตลาดหุ้นอินเดียในดัชนี MSCI EM โดยจะลดลงจาก 8.78% สู่ระดับ 8.55% (*Depositary Receipts (DR) คือ ตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ)
4.) หุ้นที่มี Foreign Room ต่ำกว่า 3.75% จะถูกถอดออกทันที โดยในปัจจุบัน หุ้นที่มี Foreign Room ต่ำกว่า 3.75% จะถูกเข้าไปอยู่ใน MSCI GIMI หากสภาพคล่องของ Depositary Receipts (DR) ยังสูง แต่สำหรับกฎเกณฑ์ใหม่นี้ หุ้นที่มี Foreign Room ต่ำกว่า 3.75% จะถูกถอดออกทันที โดยไม่มีข้อแม้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน มองว่ามีโอกาสสูงที่การปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ใหม่นี้จะได้รับอนุมัติจาก MSCI ซึ่งจะหนุนให้เงินกองทุน Active Fund ของต่างชาติ ทยอยเข้ามาสะสมหุ้นไทยใน MSCI ก่อน เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักของไทยใน MSCI EM จาก 2.5% สู่ 3% หนุนเม็ดเงินจาก Passive Fund ที่ลงทุนตาม Index จะเข้าไทยกว่า 1.11 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ(3.5หมื่นล้านบาท+/-) ซึ่งเป็น Upside ของตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติม แนะสะสม หุ้นที่คาดจะได้เข้าคำนวณใน MSCI EM ใหม่ รอบเดือน พ.ค.นี้ เรียงตามน้ำหนัก ได้แก่ INTUCH, DTAC, RATCH, CENTEL