สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 31 ม.ค. 2562
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงปิดในแดนบวก ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่อย่างเฟซบุ๊ก และเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) รวมทั้งปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,999.67 จุด ลดลง 15.19 จุด หรือ -0.06% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,704.10 จุด เพิ่มขึ้น 23.05 จุด หรือ +0.86% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,281.74 จุด เพิ่มขึ้น 98.66 จุด หรือ +1.37%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า เศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 4/2561 ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 4 ปี
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.04% ปิดที่ 358.67 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,992.72 จุด เพิ่มขึ้น 17.96 จุด หรือ +0.36% ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,968.85 จุด เพิ่มขึ้น 27.22 จุด หรือ +0.39% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,173.10 จุด ลดลง 8.56 จุด หรือ -0.08%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของรอยัล ดัทช์ เชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณว่าจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,968.85 จุด เพิ่มขึ้น 27.22 จุด หรือ +0.39%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงปัจจัยหนุนจากรายงานของสภาทองคำโลก (WGC) ซึ่งระบุว่า อุปสงค์ทองคำทั่วโลกเพิ่มขึ้นในปีที่แล้ว จากคำสั่งซื้อทองคำจำนวนมากของธนาคารกลางต่างๆ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 9.7 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ 1,325.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 14.5 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 16.072 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 8.5 ดอลลาร์ หรือ 1.04% ปิดที่ 824.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 16.50 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 1,299.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยกดดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตลอดทั้งเดือนม.ค. สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแข็งแกร่งกว่า 18%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 53.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 61.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) หลังจากหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.88 เยน
ส่วนสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1447 ดอลลาร์ และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3108 ดอลลาร์