GPSC ร่วมปตท.สรุปแผนลงทุนพม่า 2 โครงการ ชี้ GLOW ขายฝากรฟฟ. “บล.ภัทร” เป็นเรื่องของผู้ขาย

GPSC ร่วมปตท.สรุปแผนลงทุนพม่า 2 โครงการ ชี้ GLOW ขายฝากรฟฟ. “บล.ภัทร” เป็นเรื่องของผู้ขาย


นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC  เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างสรุปแผนการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า 2 โครงการในเมียนมาร่วมกับกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าหลายร้อยเมกะวัตต์ในแต่ละโครงการ คาดว่าจะมีความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญอย่างน้อย 1 โครงการภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นโครงการที่ร่วมมือกับบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP

ส่วนอีก 1 โครงการจะเป็นความร่วมมือกับธุรกิจก๊าซธรรมชาติของปตท. ที่มีแผนจะจัดตั้งคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในเมียนมา ก็มีโอกาสที่จะพัฒนาโรงไฟฟ้าต่อเนื่องจากคลัง LNG ดังกล่าว

สำหรับความคืบหน้าการเข้าซื้อกิจการบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW ยังมั่นใจว่าจะสามารถจบดีลได้ภายในเดือนมี.ค.นี้ หลังบริษัท ซึ่งเป็นผู้ซื้อ และกลุ่ม Engie ซึ่งเป็นผู้ขายหุ้น GLOW ต้องปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่ ณ วันจะซื้อขายกิจการ GLOW นั้นจะต้องไม่มีโรงไฟฟ้าโกลว์ เอสพีพี 1 ซึ่งปัจจุบันผู้ขายอยู่ระหว่างจะขายโรงไฟฟ้าดังกล่าว

ทั้งนี้ ตามข้อมูลที่ได้รับทราบจากสื่อเห็นว่ามีผู้ที่สนใจหลายราย โดยคาดว่าการดำเนินการทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนเดิมที่วางไว้เพียงแต่ปรับกำหนดการเวลาใหม่เท่านั้น ขณะที่วงเงินในการเข้าซื้อกิจการ GLOW ก็จะลดลงจากเดิมเล็กน้อยเพราะไม่ได้ซื้อโรงไฟฟ้าโกลว์ เอสพีพี 1 เข้ามาด้วย แต่จะยังอยู่ในกรอบวงเงินไม่เกิน 1.4 แสนล้านบาท

ส่วนที่มีข่าวว่า บล.ภัทร จะรับซื้อโรงไฟฟ้าโกลว์ เอสพีพี 1 เอาไว้เองก่อนเพื่อให้สามารถปลดล็อกเงื่อนไขของกกพ. และจะทำให้ดีลการซื้อขายหุ้น GLOW ของบริษัทเสร็จได้เร็วขึ้นนั้น ตนไม่ทราบเรื่องเพราะเป็นเรื่องของผู้ขาย แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายอยู่แล้ว

“เราไม่ทราบ ข้อแรกเป็นหน้าที่ผู้ขาย ข้อสอง อย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว ข้อที่สามผู้ขายก็มีทางเลือก ดังนั้น จะเป็นใครเราไม่รู้  เขาคิดอย่างนี้จริงหรือเปล่าไม่รู้ เรามีบทบาทกับภัทร ในส่วนที่เราเกี่ยวข้อง ส่วนภัทรจะไปทำอะไรกับทางผู้ขาย GLOW เราไม่รู้ เราไม่ได้มีส่วนกี่ยวข้องกับการขาย เอสพีพี 1 เป็นหน้าที่ของ GLOW ที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย ทางเราก็จะทำให้เสร็จเร็วที่สุด เรื่องภัทรเราไม่รู้เลยเขาคิดอะไร แต่องปฏิบัติตามกฎหมาย เขาไม่จำเป็นต้องมาบอกเรา”นายชวลิต กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนแผนลงทุน 5 ปีใหม่หลังจะมีการลงทุนขนาดใหญ่ โดยจะต้องพิจารณาให้สมดุลกับรายได้และหนี้สิน แต่เบื้องต้นเห็นว่าการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้บริษัทมีศักยภาพในการจัดหาแหล่งเงินลงทุนอื่น แม้ปัจจุบันจะมีเงินสดในมือราว 3-4 พันล้านบาท แต่ก็มีการบริหารจัดการการลงทุนให้เหมาะสมกับรายได้และกำไรที่เข้ามา รวมถึงการลงทุนขนาดใหญ่ก็มีรูปแบบการลงทุนหลายส่วน ทั้งในด้านการใช้เงินกู้โครงการ (Project Finance) และยังมีช่วงระยะเวลาในการลงทุนจริงด้วย

โดยกรณีการลงทุนในโครงการ Energy Recovery Unit โดยการเข้าซื้อหน่วยผลิตไฟฟ้า (Energy Recovery Unit:ERU) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) ของ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) มูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาทนั้น ก็คาดว่าจะยังไม่ใช้เงินจำนวนมากในช่วงระยะเวลาอันใกล้ แต่จะเป็นลักษณะการทยอยลงทุน จึงต้องพิจารณาความเหมาะสมการจัดหาแหล่งเงินทุนในช่วงระยะเวลาการใช้เงินจริงด้วย

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน หลังจะมีรับรู้ผลการดำเนินงานจากโรงไฟฟ้าที่เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ในปีนี้ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ได้แก่ โรงไฟฟ้าน้ำลิก 1 (NL1PC) ขนาดกำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้า ไซยะบุรี (XPCL) กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ รวมทั้งโรงผลิตสาธารณูปการระยองแห่งที่ 4 (CUP-4) กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง และยังจะรับรู้รายได้จากการเพิ่งเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 โครงการในไทย กำลังผลิตรวม 39.5 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการที่ COD แล้วทั้งหมด

 

Back to top button