สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 5 ก.พ. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงราล์ฟ ลอเรน และเอสเต ลอเดอร์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยมีการคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์จะใช้โอกาสนี้ในการแถลงแผนการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการปรับลดราคายา

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,411.52 จุด เพิ่มขึ้น 172.15 จุด หรือ +0.68% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,402.08 จุด เพิ่มขึ้น 54.55 จุด หรือ +0.74% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,737.70 จุด เพิ่มขึ้น 12.83 จุด หรือ +0.47%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปรับตัวเริ่มต้นสัปดาห์ในแดนบวก ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมันและธนาคารนำตลาดดีดตัวขึ้น

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.41% ปิดที่ 364.99 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,083.34 จุด เพิ่มขึ้น 83.15 จุด, +1.66% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,367.98 จุด เพิ่มขึ้น 191.40 จุด, +1.71% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,177.37 จุด เพิ่มขึ้น 143.24 จุด, +2.04%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการที่บริษัทบีพีประกาศผลกำไรสูงเกินคาด และจากการที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้นในตลาดวอลล์สตรีทเมื่อวันจันทร์ ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองและกลุ่มธนาคารช่วยหนุนตลาดขึ้นด้วย

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,177.37 จุด เพิ่มขึ้น 143.24 จุด หรือ +2.04%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากโพลล์สำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นกว่า 3 ล้านบาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 90 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 53.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.ปีนี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 53 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 61.98 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำเช่นกัน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 1,319.20  ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.31% ปิดที่ 15.836 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 2.90 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 819.90 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 10.80 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1341.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ จะแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยมีการคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์จะใช้โอกาสนี้ในการแถลงแผนการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการปรับลดราคายา

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.97 เยน จากระดับ 109.91 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0002 ฟรังก์ จากระดับ 0.9983 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3144 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3124 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1409 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1432 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2954 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3043 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7229 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7224 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Back to top button