เปิดโผ 38 หุ้น SET50 เดือนม.ค.ฟื้นตัวแรง! รับเลือกตั้งหนุน-Fund Flow ไหลเข้า
เปิดโผ 38 หุ้น SET50 เดือนม.ค.ฟื้นตัวแรง! รับเลือกตั้งหนุน-Fund Flow ไหลเข้า TU นำทีมเด่นสุด
ผ่านไปแล้วสำหรับการลงทุนเดือนมกราคมปี2562 แน่นอนการลงทุนเดือนแรกของปีหมูทองดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งภายหลังเมื่อวันที่ 23 ม.ค.252 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 ออกมา
อีกทั้งได้กำหนดวันเลือกตั้งชัดเจนในวันที่ 24 มี.ค.62 ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นและกลับเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดอย่างคึกคัก ผลักดันให้ดัชนีปรับขึ้นมาอย่างสดใสและกลับมายืนเหนือระดับ 1600 จุดอย่างแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกันการประชุมเฟดในช่วง 30-31ม.ค.62 ได้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ตามคาด พร้อมส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นตอบรับปัจจัยดังกล่าว โดยเห็นได้จาก Fund Flow ต่างชาติได้ไหลเข้าตลาดเกิดหุ้นเกิดใหม่รวมถึงตลาดหุ้นไทยเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 31 บาท/ดอลลาร์เทียบกับช่วงต้นปีอยู่ที่ระดับ 32 บาท/ดอลลาร์ ตรงนี้ถือเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Big Cap นำโดย พลังงาน,ธนาคาร และสื่อสารหรือกลุ่ม SET50
โดยจากการสำรวจ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” พบว่าในเดือนมกราคม 2562 หุ้นกลุ่ม SET50 ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นทั้งหมด 38 ตัว และปรับตัวลดลง 9 ตัว และ ราคาหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง 3 ตัว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีกลุ่มหุ้นปรับตัวขึ้นเป็นจำนวนมากแต่หากมองอีกด้านหนึ่งสำหรับกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวลงและราคายังไม่เปลี่ยนแปลงตรงนี้ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้เข้าเก็บหุ้นพื้นฐานที่ราคาขึ้นช้ากว่ากลุ่ม เพราะอย่าลืมว่าหุ้น SET50 ล้วนแต่เป็นหุ้นพื้นฐานดีและมีปันผลเด่น อีกทั้งเข้าใกล้ฤดูประกาศงบปี 2561 ซึ่งหากเลือกลงทุนก็ได้ผลดีทั้งเรื่องราคาถูกและได้รับปันผลนั่นเอง
สำหรับกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรง 5 อันดับแรกของกลุ่มซึ่งให้รีเทิร์นเกิน 10% คือ TU,MINT,INTUCH,SPRC,CPALL,BGRIM ซึ่งจะนำเสนอข้อมูลประกอบดังนี้
โดยอันดับ 1 บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง 15.43 % โดยปรับตัวขึ้นจากระดับ 16.20 บาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 61 มาอยู่ที่ระดับ 18.70 บาท ณ วันที่ 31 ม.ค.62 โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงมาจากปัจจัยEU ปลดธงเหลืองต่อการนำเข้าสินค้าประมงของไทยหนุนให้หุ้นกลุ่มส่งออกอาหารปรับตัวขึ้นแรง
อีก บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ”ซื้อ”หุ้น บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) คาดกำไรจะกลับมา Turnaround ในปี 2562 จากการฟื้นตัวของธุรกิจทูน่าและกุ้ง รวมถึงธุรกิจแซลมอนที่จะกลับมามีกำไรอีกครั้ง กอปรกับคาดไม่มีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่เหมือนในปี 2561 อีก จึงคาดกำไรปกติปี 2562 กลับมาโต 24.1% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนกำไรสุทธิจะโตมากกว่าที่ 52.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยคงราคาเป้าหมาย 20 บาท (อิง PE เดิม 17 เท่า)
อันดับ 2 บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง 13.97 % โดยปรับตัวขึ้นจากระดับ 34.00 บาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 61 มาอยู่ที่ระดับ 38.75 บาท ณ วันที่ 31 ม.ค.62 โดยปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นวิ่งแรงมาจากมาตรการภาครัฐที่กระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา
บล.ทิสโก้ ระบุว่า นักท่องเที่ยวจีนเริ่มฟื้นตัว-ขยายยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า-เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นท่องเที่ยว AOT, MINT, CENTEL, ERW
บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม (AOT, MINT, CENTEL, ERW) ครม.ขยายเวลามาตรการฟรีค่าธรรมเนียมวีซ่า (VOA) ถึงวันที่ 30 เม.ย.19
อันดับ 3 บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง 13.61 % โดยปรับตัวขึ้นจากระดับ 47.75 บาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 61 มาอยู่ที่ระดับ 54.25 บาท ณ วันที่ 31 ม.ค.62 โดยปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นวิ่งแรงมาจากราคาหุ้นลงมาแรงทำให้มีอัพไซด์สูงทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็บหุ้นดังกล่าว
โดย บล.บัวหลวง กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มสื่อสาร น่าจะรับผล Sentiment เชิงบวกจากในประเทศ และราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ทำให้มีUpside จากราคาเหมาะสมอยู่มาก จึงมีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มนี้
ด้านเครดิตสวิสได้ทำบทวิเคราะห์เพื่อให้ระดับการลงทุนสำหรับบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งใน THCOM และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC โดยยังคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 79.9 บาท/หุ้น และมองว่าเป็นหุ้นที่มีระดับการลงทุนสูงกว่าตลาด (Outperform)
ส่วนประเด็นเรื่อง CAT Telecom เล็งเข้าซื้อหุ้น THCOM ตามที่ข่าวหุ้นธุรกิจ ได้เปิดเผยเมื่อคืนวันที่ 23 ม.ค. 62 ยังคงต้องติดตามด้วยเช่นกัน
อันดับ 4 บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง 13.54 % โดยปรับตัวขึ้นจากระดับ 9.60 บาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 61 มาอยู่ที่ระดับ 10.90 บาท ณ วันที่ 31 ม.ค.62 โดยปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นวิ่งแรงมาจากค่าการกลั่นฟื้นตัวบวกกับราคาหุ้นขึ้นช้ากว่ากลุ่มพลังงานทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็บหุ้นอบใหม่
บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี เมื่อวันที่ 9 ม.ค.61 ระบุว่า โรงกลั่นก็ได้อานิสงค์จากการฟื้นตัวของค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวขึ้นจาก 2.8 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้ามาอยู่ที่ 4.13 ดอลลาร์/บาร์เรลในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นบวกกับ TOP SPRC PTTGC และ IRPC โดยให้ TOP เป็น top pick ของกลุ่มโดยมีราคาเป้าหมาย 89 บาท
ส่วนปิโตรเคมีก็ได้อานิสงค์จาก spread margin ที่เพิ่มสูงขึ้นโดยสัปดาห์ที่ผ่านมา spread margin ของโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นบวกกับ PTTGC TOP IRPC โดยกลุ่มนี้ให้ PTTGC เป็น top pick
ด้าน บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นโรงกลั่นน้ำมันอย่าง บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) และบมจ.สตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง (SPRC) ดีดตัวขึ้นแรงส่วนหนึ่งน่าจะเป็นแรงซื้อขายกลับหลังจากที่โดนขายออกมามาก่อนหน้านี้ และยังปรับตัวขึ้นได้ช้ากว่าหุ้นอื่นในกลุ่มโรงกลั่นอย่างบมจ.ไทยออยล์
อันดับ 5 บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง 13.09% โดยปรับตัวขึ้นจากระดับ 68.75 บาท เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 61 มาอยู่ที่ระดับ 77.75 บาท ณ วันที่ 31 ม.ค.62 โดยได้รับปัจจัยบวกทั้งนโนบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และเลือกตั้งชัดเจนหนุน
บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กลุ่มค้าปลีก (CPALL, ROBINS, HMPRO) ยอดใช้จ่ายเพิ่มในช่วงปลายปีและนโยบายกระตุ้นภาครัฐ
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า CPALL แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 90 บาท คาดกำไรจะโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/61 เพราะเป็น High Season และตลาดตอบรับดีกับแสตมป์ Line Friends โดยคาดว่า SSSG จะโตได้มากกว่า 2%
คาดกำไรปี 2019 จะกลับมาโต 14.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2.3 หมื่นลบ. จากปีนี้ที่คาดทรงตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2.04 หมื่นลบ. ราคาหุ้นมีโอกาสขึ้นต่อเนื่องหลังการเลือกตั้งมีความชัดเจน โดยถ้าอิงสถิติ กลุ่มค้าปลีกจะปรับขึ้นเฉลี่ย 4% ในช่วง 2 เดือนก่อนหลังตั้ง และ CPALL จะ Outperform กลุ่มทุกรอบ
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน