SYNEX บวก 3.25% รับงาน Thailand Mobile Expo 2019 หนุนยอดขายสมาร์ทโฟน-อุปกรณ์เสริมทะลัก!
SYNEX บวก 3.25% รับงาน Thailand Mobile Expo 2019 หนุนยอดขายสมาร์ทโฟน-อุปกรณ์เสริมทะลัก! โดย ณ เวลา 12.07 น. อยู่ที่ระดับ 12.70 บาท บาท บวก 0.40 บาท หรือ 3.25% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 7.18 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นกลุ่มผู้จัดจำหน่ายมือถือ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ณ เวลา 12.07 น. อยู่ที่ระดับ 12.70 บาท บาท บวก 0.40 บาท หรือ 3.25% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 7.18 ล้านบาท
บล.เออีซี ระบุว่า หุ้นกลุ่มผู้จัดจำหน่ายSmart Phone : คาดได้รับSentiment บวกในช่วงงาน Thailand Mobile Expo 2019 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 7-10 ก.พ. นี้โดยย้ายสถานที่จัดงานมายัง BITEC บางนา (เดิมจัดที่ศูนย์ประชุมสิริกิต) ทำให้คาดจะสามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมงานได้มากขึ้นทั้งนี้ภายในงานจะมีการจัดโปรโมชั่นทั้งจากกลุ่มผู้จำหน่ายSmart Phone และผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาส 1/62
แนะนำ Trading Buy : COM7 (มองว่าราคาหุ้นที่ปรับลงได้สะท้อนแนวโน้มยอดขาย IPHONE ที่ต่ำลงไปแล้วขณะที่บริษัทได้เริ่มปรับพอร์ตสินค้าโดยเพิ่มสัดส่วนแบรนด์อื่นมากขึ้นอาทิHuawei VIVO และOPPO สอดคล้องกับแผนขยายธุรกิจในตลาดต่างจังหวัดในรูปแบบแฟรนไชส์ซึ่งคาดจะเห็นรูปแบบที่ชัดเจนขึ้นในปีนี้) และ SYNEX (นอกจากแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นปี 62 ตั้งเป้ารายได้โต 10-15%YoY โดยตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้มาจากสินค้ากลุ่มโน้ตบุ๊ค และสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำราว 50% ,กลุ่ม Consumer Product ราว 30% และส่วนที่เหลือมาจากกลุ่ม Commercial Product ราว 20% โดยปีนี้บริษัทมีแผนเพิ่มแบรนด์สินค้าเพื่อจำหน่ายอย่างน้อยอีก 4-5 แบรนด์ โดยเฉพาะในกลุ่มกล้องวงจรปิด หรือระบบรักษาความปลอดภัยจากปัจจุบันที่มีแบรนด์สินค้าทั้งสิ้น 60 แบรนด์)
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า SYNEX ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2019 ลง 6% อยู่ที่ 829 ล้านบาท (+17%YoY) จาก GPM ที่ลดลงอยู่ที่ 4.4% เดิม 4.5% ตามสัดส่วนรายได้จากสมาร์ทโฟนที่มี GPM ต่ำเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม GPM นี้ยังถือว่าสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ 4.4% จากการกลับมาได้รับส่วนลดเงินสดของ Samsung ตั้งแต่ช่วง 4Q18 และแนวโน้ม rebate ที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้องว่ายอดขายสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เสริมของบริษัทจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง หนุนโดยงาน Mobile Expo ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7-10 ก.พ. นี้ ซึ่ง ณ ปัจจุบันบริษัทได้มียอด Pre-order มากขึ้น และคาดการเปิดตัวสมาร์ทโฟน Flagship เพิ่มขึ้นตลอดปี เช่น Huawei P30 ในเดือน ก.พ. นี้
จากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในอุตสาหกรรม, การทยอยเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Huawei ที่บริษัทเป็น Exclusive Dealer และความนิยมของ E-sport ที่เพิ่มขึ้นในประเทศ ผ่านทางการแข่งขัน E-Sport Campus ส่งผลต่อผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คิดเป็น 2018-21EPS CAGR ที่ 14%
จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับลดราคาเหมาะสมอยู่ที่ 16.00 บาท (อิง PER 15x เทียบเท่า +1SD) เดิม 17.00 บาท เพื่อสะท้อน GPM ที่ปรับลดลง ทั้งนี้มองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมานั้นเป็นผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลดีต่อบริษัทในฐานะผู้นำเข้าสินค้า และมองว่าราคา ณ ปัจจุบันมีความน่าสนใจ จาก PER ที่เทรดที่ 11.2x ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 12.4x