สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 26 ก.พ.62
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) ขานรับข่าวสหรัฐประกาศเลื่อนเวลาการปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน หลังจากการเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้า โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่มีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเตรียมแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,091.95 จุด เพิ่มขึ้น 60.14 จุด หรือ +0.23% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,796.11 จุด เพิ่มขึ้น 3.44 จุด หรือ +0.12% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,554.46 จุด เพิ่มขึ้น 26.92 จุด หรือ +0.36%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐได้เลื่อนกำหนดเส้นตายในการเก็บภาษีสินค้าจีนจากวันที่ 1 มี.ค. และข่าวที่ว่าอังกฤษอาจเลื่อนกำหนดในการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จากวันที่ 29 มี.ค.ก็เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดด้วย
ดัชนี Stoxx Europe บวก 0.26% ปิดที่ 372.18 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,231.85 จุด เพิ่มขึ้น 16.01 จุดหรือ +0.31% ขณะที่ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,505.39 จุด เพิ่มขึ้น 47.69 จุดหรือ +0.42% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,183.74 จุด เพิ่มขึ้น 5.14 จุดหรือ +0.07%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) โดยปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวันอาทิตย์ว่า เขาจะเลื่อนกำหนดเส้นตายในการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน และการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองช่วยหนุนตลาดด้วยเช่นกัน แต่การแข็งค่าของเงินปอนด์ หลังมีข่าวว่านางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้เลื่อนการลงมติของรัฐสภาต่อข้อตกลงถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) นั้น ได้สกัดการปรับตัวขึ้นของตลาด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,183.74 จุด เพิ่มขึ้น 5.14 จุดหรือ +0.07%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้กดดันให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระงับการปรับขึ้นราคาน้ำมัน โดยระบุว่า โลกไม่สามารถรับมือกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นได้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 55.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย. ดิ่งลง 2.36 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 64.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบคืนนี้ (25 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น หลังจากการเจรจาการค้ารอบล่าสุดระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้าอย่างมาก
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 3.30 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ 1,329.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 8.4 เซนต์ หรือ 0.53% ปิดที่ 15.83 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 7.70 ดอลลาร์ หรือ 0.91% ปิดที่ 853.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 34.30 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 1496.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าลงทุนในสกุลเงินอื่นๆที่มีความเสี่ยงสูงกว่าและให้ผลตอบแทนมากกว่า เช่นยูโรและดอลลาร์ออสเตรเลีย หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้าอย่างมาก
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1364 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1338 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3102 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3060 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7175 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7133 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0002 ฟรังก์ จากระดับ 1.0001 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 111.13 เยน จากระดับ 110.69 เยน นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3193 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3138 ดอลลาร์แคนาดา