ITEL อวดรายได้ปี 61 เข้าเป้า 1.6 พันลบ. กางแผนปีนี้ปั้มกำไรนิวไฮ ลุยประมูลงานต่อเนื่อง
ITEL อวดรายได้ปี 61 เข้าเป้า 1.6 พันลบ. กางแผนปีนี้ปั้มรายได้-กำไรนิวไฮ ลุยประมูลงานรัฐ-เอกชนต่อเนื่อง
นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,611.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.03% จากปี 2560 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,081.25 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 133.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.67% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 101.78 ล้านบาท
ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทฯ มีพื้นที่ให้บริการเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 75 จังหวัด และ จากการที่ภาครัฐมีนโยบายในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (Digital Economy) และนโยบายประเทศไทย 4.0 ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นส่วนสำคัญที่จะส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ของประเทศ
รวมทั้งเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ทำให้สามารถผลักดันยอดขายจากลูกค้าที่เข้ามาใช้งานได้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังสามารถรักษาฐานลูกค้าในปีก่อนไว้ได้เนื่องมาจากประสิทธิภาพของโครงข่ายและเสถียรภาพของการให้บริการที่เหนือกว่าคู่แข่งขันรายอื่นในตลาด ทำให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับรายได้จากการให้บริการโครงข่ายในปี 2561 อยู่ที่ 682.70 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 31.98% จากปี 2560 มีรายได้ 517.28 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายในปี 2561 เติบโตสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 73.31% หรืออยู่ที่ 831.45 ล้านบาท จากปี 2560 อยู่ที่ 479.75 ล้านบาท
โดยบริษัทฯ จะยังคงบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการรับงานติดตั้งโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ และลูกค้ามีความมั่นใจในบริการของบริษัทฯ อยู่แล้ว โดยล่าสุดในช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ITEL ได้งานโครงการ USO เฟส 2 เพิ่มเติมเข้ามาอีกมูลค่ารวมกันกว่า 3,560 ล้านบาท เมื่อนำมารวมกับงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่มีในปัจจุบัน 2,500 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีงานในมือสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็น 6,060 ล้านบาท มีผลทำให้ผลประกอบการในปี 2561 เติบโตเกินเป้าหมายที่วางไว้
อีกทั้งบริษัทยังมีงานอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างรอผลการประมูล อย่างไรก็ตาม จากการบริหารจัดการที่ดี และการรุกการให้บริการในทุกธุรกิจ สนับสนุนให้ผลงานปี 2561 มีการเติบโตสูงขึ้นมากกว่าแผนงานที่วางไว้
ขณะที่รายได้จากการให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ทั้งปีเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 17.84% อันเนื่องมาจากฐานลูกค้าที่ใช้งานปี 2561 มีมากถึง 95% ทำให้รายได้จากการให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ในปี 2561 อยู่ที่ 93.76 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 79.56 ล้านบาท และในแต่ละไตรมาสหลังจากนี้จะมีแนวโน้มของรายได้ที่มั่นคง
“กำไรสุทธิในปีนี้เติบโตขึ้นกว่าปีก่อนอย่างมาก โดยกำไรจากการดำเนินงานทั้งปีโต 30.67% อยู่ที่ 133.00 ล้านบาท ซึ่งเทียบกับปี 2560 อยู่ที่ 101.78 ล้านบาท เป็นผลจากการเติบโตของรายได้ทุกประเภท นอกจากนี้ อัตรากำไรสุทธิปี 2561 คิดเป็น 8.25% เป็นผลมาจากบริษัทฯ มีลูกค้าเพิ่มขึ้น และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ และค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ดีขึ้น” นายณัฐนัย กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติให้เสนอพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.057 บาท ที่มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 57.07 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักสำรองตามกฎหมาย กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) 8 พฤษภาคม 2562 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2562
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2562 จากงานในมือที่มีเพิ่มขึ้นและแผนธุรกิจที่ชัดเจน บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 2,000 ล้านบาท เติบโต 30-40% โตต่อเนื่องจากปี 2561 จากธุรกิจให้บริการและติดตั้งโครงข่ายสายใยแก้วนำแสง และมองว่าในปีนี้ยังอยู่ในเทรนด์ของการลงทุนเกี่ยวกับการสื่อสารในยุคดิจิทัล ซึ่งคาดว่าจะมีงานออกมาเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะประกาศ กสทช.เรื่อง 5G ยิ่งช่วยกระตุ้นภาพรวมอุตสาหกรรม โดย ITEL พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนรายได้ให้เติบโตแข็งแกร่งในอนาคตมากยิ่งขึ้น
โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3-5 ปีนี้ รายได้ต่อปีจะต้องเติบโตประมาณ 40% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิต้องการจะเติบโตให้ได้ 20% ภายในปี 2564 โดยมาจาก 3 ธุรกิจหลักประกอบด้วย “บริการโครงข่ายเชื่อมข้อมูลหรือดาต้า เซอร์วิส” เติบโตต่อปี 20-30% ตั้งเป้าหมายรายได้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60-70% ของรายได้รวม ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าทั้งจากหน่วยงานรัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า, โรงภาพยนตร์ โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน ผู้ให้บริการมือถือ ฯลฯ ในปีนี้ได้ขยายฐานเพิ่ม เช่น ปั๊มน้ำมันซัสโก้ อิออน เงินติดล้อ เมืองไทยลิสซิ่ง และภาครัฐ อาทิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การประปาส่วนภูมิภาค ฯลฯ
ส่วน “บริการติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคม” สัดส่วน 20-30% ของรายได้ มีแนวโน้มเติบโตไปตาม 4G และ 5G ที่มีเทรนด์การเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โดยโครงข่ายของบริษัทเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ที่ติดตั้งงานให้ลูกค้า อาทิ ทรู และเอไอเอส เสริมทัพด้วย “บริการดาต้า เซ็นเตอร์” ปัจจุบันมีอยู่ 2 แห่ง แห่งแรกให้บริการครบ 95% ส่วนแห่งที่ 2 ล่าสุด ณ สิ้นปี 2561 มีผู้ใช้บริการ 50-60% ส่วนแผนปี 2562 บริษัทจะให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ ที่เหลืออีก 30% โดยโฟกัสกลุ่มธนาคารและหน่วยงานภาครัฐ