EA เปิดกลยุทธ์ปี 62 เร่งสร้างรง.แบตเตอรี่ รุกคืบแผน Smart Transport พร้อมเปิดจองรถยนต์ EV
EA เปิดกลยุทธ์ปี 62 เร่งสร้างรง.แบตเตอรี่ รุกคืบแผน Smart Transport พร้อมเปิดจองรถยนต์ EV
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2561 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,975.21 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30.33% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 3,817.45 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 12,490.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 11,673.50 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยบวกด้านการดำเนินงานที่สำคัญมาจาก ผลประกอบการจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหาดกังหันและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 4 แห่ง ซึ่งหากไม่นับรวมกำไรทางบัญชีที่เกิดจากการรวมธุรกิจ Amita Technologies Inc., ไต้หวัน เข้ามา ก็จะมีกำไรสุทธิ 4,080.63 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเข้ามา 7,192.71 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามคาด และจะใช้ในการดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจของบริษัทต่อไป
“แม้ว่าในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหาดกังหัน ที่จังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราชจะผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าปีก่อนประมาณ 15 ล้านหน่วย แต่ก็เป็นเรื่องของฤดูกาลมรสุมลมแรงที่เลื่อนเวลาจากเดิมที่เคยเกิดขึ้นปลายปี มาเป็นเดือนมกราคมแทน ยกตัวอย่างเช่น การเกิดพายุปาบึกในเดือนมกราคม ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า (Capacity Factor) ในเดือนมกราคมสูงถึง 47.87%
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 รวมกำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ โดยส่วนที่เหลืออีก 170 เมกะวัตต์จะทยอยรับรู้รายได้ตามมาภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2562 นี้ จะส่งผลต่อผลประกอบการในปีนี้ให้ชัดเจนและมีกระแสเงินสดที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น พร้อมที่จะไปลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่ได้เตรียมการไว้” นายอมรกล่าว
ส่วนภาพรวมการดำเนินธุรกิจปี 2562 นอกจากจะเร่งรัดสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเที่ยม ไอออน แล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะลงทุนในการพัฒนาธุรกิจต่อยอดใหม่ๆ ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทในกลุ่มได้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเตรียมการอย่างจริงจังตลอดปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งจะได้เริ่มเห็นผลงานและทยอยรับรู้รายได้เข้ามาตามแผนงานของแต่ละสายธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจด้านคมนาคมที่จะสร้าง Smart Transport แบบครบวงจร
โดยในงาน “Bangkok International Motor Show ปีนี้ บริษัทจะนำรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV รุ่นอเนกประสงค์ “MINE MPV” ที่พัฒนาจนใกล้พร้อมจะจำหน่ายแล้วไปแสดง และเปิดให้ลงทะเบียนจองสิทธิ พร้อมกับเลือกสีได้ โดยมีแผนจะเริ่มส่งมอบรถ EV ได้ต้นปี 2563 ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับการเริ่มให้บริการเรือไฟฟ้าที่จะให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เราได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราเชื่อว่า เทคโนโลยีและการต่อยอดธุรกิจของเราจะช่วยแก้ปัญหามลภาวะและฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในระดับประเทศที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนได้
ส่วนธุรกิจไบโอดีเซล แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดของราคาปาล์มลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากผลผลิตปาล์มล้นตลาด ทำให้รายได้จากการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลลดลง แต่ในด้านรายได้ของผลิตภัณฑ์พลอยได้อย่างกลีเซอรีน ประสบความสำเร็จทางการตลาดด้วยดี ส่งผลให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 6% จากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 4.74% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเตรียมความพร้อมในการลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่และขยายโรงงานแห่งใหม่ในพื้นที่จังหวัดระยอง ด้วยงบประมาณ 1,100 ล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนในปี 2562 จะใช้เงินทุนจากทั้งกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ได้ในปี 2561 ประมาณ 7,000 ล้านบาท ร่วมกับกระแสเงินสดที่จะได้ในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มจากปีก่อนด้วยผลการดำเนินงานจากโครงการหนุมาน อีกทั้งจะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมสถาบันการเงินและการออกหุ้นกู้ ซึ่งเพียงพอสำหรับการดำเนินโครงการต่างๆ