สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 มี.ค.62


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนก.พ. ขณะที่รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ “Beige Book” ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า ปัญหาชัตดาวน์ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธุรกิจสุขภาพ และจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอความชัดเจนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,673.46 จุด ลดลง 133.17 จุด หรือ -0.52% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,771.45 จุด ลดลง 18.20 จุด หรือ -0.65% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,505.92 จุด ลดลง 70.44 จุด หรือ -0.93%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มรถยนต์เผชิญแรงกดดัน ขณะที่นักลงทุนรอดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน หลังสื่อรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐและจีนจะบรรลุข้อตกลงกันเร็วๆ นี้

ดัชนี Stoxx Europe ปรับตัวลง 0.04% ปิดที่ 375.48 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,288.81 จุด ลดลง 8.70 จุด หรือ -0.16% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,587.63 จุด ลดลง 33.11 จุด หรือ -0.28% ขณะที่ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่  7,196.00 จุด เพิ่มขึ้น 12.57 จุด หรือ +0.17%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก และการพุ่งขึ้นอย่างมากของหุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ช่วยหนุนตลาดเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนยังคงรอดูรายละเอียดเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,196.00 จุด เพิ่มขึ้น 12.57 จุด หรือ +0.17%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำเช่นกัน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 2.90 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 1287.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 15.085 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 9.9 ดอลลาร์ หรือ 1.18% ปิดที่ 828.10 ดอลลาร์/อนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 20.50 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 1486.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่นักลงทุนยังคงรอความชัดเจนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 56.22 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 65.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนก.พ. ขณะที่รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ “Beige Book” ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า ปัญหาชัตดาวน์ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1307 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1302 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3171 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3170 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7027 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7085 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.80 เยน จากระดับ 111.89 เยน อย่างไรก็ดี ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0049 ฟรังก์ จากระดับ 1.0045 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3420 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3345 ดอลลาร์แคนาดา

Back to top button