PRM บวก 4% โบรกฯเชียร์”ซื้อ” เคาะเป้า10บ. คาดรายได้ปีนี้โตกระฉูด 71% แตะระดับ 3.24 พันลบ.
PRM บวก 4% โบรกฯเชียร์"ซื้อ" เคาะเป้า10บ. คาดรายได้ปีนี้โตกระฉูด 71% แตะระดับ 3.24 พันลบ. โดย ณ เวลา 15.19 น. ราคาอยู่ที่ 6.35 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.10% สูงสุดที่ 6.40 บาท ต่ำสุดที่ 6.10 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 58.69 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ล่าสุด ณ เวลา 15.19 น. อยู่ที่ 6.35 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.10% สูงสุดที่ 6.40 บาท ต่ำสุดที่ 6.10 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 58.69 ล้านบาท
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ (11 มี.ค.62) แนะนำ “ซื้อ” PRM ราคาเป้าหมาย 10 บาท/หุ้น โดยคาดจะเห็นการฟื้นตัวของ PRM ในปีนี้ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะของตลาดในช่วงปี 2560-61 โดยคาดกำไรปีนี้จะเติบโต 40% จากธุรกิจเรือขนส่งในประเทศที่ยังแข็งแกร่งด้วยส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 และรับรู้รายได้จาก Big Sea เต็มปี
อีกทั้ง ธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศมีแนวโน้มที่ฟื้นตัวตั้งแต่ 4/61 จากความต้องการของลูกค้าและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจเรือ FSU คาดจะเห็นการฟื้นตัวหลังจากมีความต้องการเรือจากลูกค้าและอัตราการใช้เรืออยู่ระดับสูงถึง 100% ซึ่งจะผลักดันให้อัตรากำไรปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูง เรามองว่าปีนี้จะเป็นปีที่กลับมาเติบโตของบริษัท
โดยในปี 2561 รายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจขนส่งในประเทศ สัดส่วน 42% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 30% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน เนื่องจากมองว่าบริษัทมีความชำนาญและเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนี้ และอยู่ในตลาดที่เติบโตเฉลี่ย 2-3% ต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นของ Big Sea ในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้กองเรือบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 13 ลำ มาเป็น 26 ลำในขนาด 83,00 DWT และในปีนี้เราคาดอยู่ที่ 29 ลำ ขนาดบรรทุกรวม 92,000 DWT จากการเพิ่มกองเรือและคาดรายได้ในปีนี้จะเติบโต 71% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน มาอยู่ที่ 3,241 ล้านบาท
ขณะที่คาดจะเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศ จากความต้องการของลูกค้าและอัตราค่าขนส่งที่ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/61 โดยธุรกิจนี้เริ่มกลับมามีกำไรในไตรมาส 4/61 และคาดว่าปีนี้จะยังสร้างกำไรอย่างต่อเนื่องและรายได้เติบโต 46% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และธุรกิจ FSU ซึ่งช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ธุรกิจน้ำมัน
สำหรับปีนี้คาดจะเห็นทิศทางที่เปลี่ยนไป โดยเห็นได้จากในช่วงปลายปีที่มีลูกค้ามีความต้องการใช้เรือในการจัดเก็บน้ำมัน ส่งผลให้อัตราการใช้เรือเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 100% และคาดจะเห็นทิศทางนี้ต่อเนื่องเป็นผลมาจากมาตรการ IMO2020 ที่จะเริ่มในปีหน้า จะผลักดันให้มีความต้องการเพิ่มขึ้นโดยในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มกองเรืออีก 2 ลำเป็น 7 ลำภายในครึ่งปีแรก 2562 นี้
อย่างไรก็ดี คาดกำไรสุทธิปี 2562-63 ของ PRM อยู่ที่ 996 ล้านบาท และ 1,209 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปรับประมาณการผลประกอบการปี 2562 เล็กน้อยโดยปรับประมาณการรายได้ขึ้นตามแผนการขยายกองเรือของบริษัท แต่สำหรับปี 2563-64 ปรับขึ้น 5-11% ซึ่งเป็นผลมาจากแผนการขยายกองเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือ FSU ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่
ดังนั้น คาดจะเห็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเรือ FSU เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 36-37% ในปี 2563-64 ในขณะที่ในแง่อัตรากำไรขั้นต้น เราคาดอยู่ที่ 25.7% ในปี 2562 และ 25.8% ในปี 2563 ตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ในแต่ละธุรกิจของบริษัท
โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 10 บาท อิงจาก PER 25 เท่าปี 2561 โดยอ้างอิงจากค่าเฉลี่ย PER ของบริษัท ปัจจุบัน PRM ซื้อขายอยู่ที่ PER 15 เท่า เทียบเท่ากับ -1SD และคิดเป็น PEG เพียง 0.4 เท่า ปัจจัยเสี่ยงมาจากความผันผวนของน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงการพึ่งพาลูกค้ารายใหญ่ทั้งธุรกิจขนส่งทางเรือ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน