CENTEL ร่วง 4% คาดขายทำกำไรหลังขึ้นมานาน 2 เดือน โบรกฯชี้ลุ้นเข้าคำนวณดัชนี MSCI รอบใหม่

CENTEL ร่วง 4% คาดขายทำกำไรหลังขึ้นมานาน 2 เดือน โบรกฯชี้ลุ้นเข้าคำนวณดัชนี MSCI รอบใหม่ โดย ณ เวลา 15.27 น. อยู่ที่ระดับ 44.00 บาท ลบ 2.00 บาท หรือ 4.35% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 417.88 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ณ เวลา 15.27 น. อยู่ที่ระดับ 44.00 บาท ลบ 2.00 บาท หรือ 4.35% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 417.88 ล้านบาท คาดขายทำกำไรหลังขึ้นแรงมานาน 2 เดือน โดยหุ้นปรับตัวขึ้นจากระดับ 38.25 บาท เมื่อวันที่ 17 ม.ค.62

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า การเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของ MSCI หากมีการอนุมัติจะหนุนหุ้น INTUCH, DTAC, RATCH, CENTEL เข้าคำนวณรอบใหม่ เดือนพ.ค. 2019 ส่วน MTC เสี่ยงหลุด

 

บล.ทิสโก้ ระบุว่า หุ้นที่น่าสนใจต่อการเก็งกำไรระยะสั้นในช่วงครึ่งหลังเดือน มี.ค. มองประเด็นการลงทุนดังต่อไปนี้หุ้นคาดได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงกฎเณฑ์ของ MSCI – SCC, BDMS, INTUCH, CPN, RATCH, LH, BANPU, CENTEL, DTAC

ทั้งนี้มี 4 ประเด็นสำคัญที่ MSCI ต้องการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การคำนวณดัชนี

(1) ข้อจำกัดการถือหุ้นรายบุคคล (Individual Ownership Limit – IOL)

ในบางประเทศ เช่น จีน และอินเดีย หรือกลุ่มสถาบันการเงินในรัสเซีย จะมีข้อจำกัด IOL ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนสถาบันไม่สามารถลงทุนได้จริง ดังนั้น MSCI จึงอยากจะกำหนดอัตราส่วนระหว่าง IOLs และ Free Float Factor (FIF) ขั้นต่ำสุดที่จะบ่งชี้ว่าหุ้นนั้นๆ จะมีคุณสมบัติเข้าหรือออกจากการคำนวณดัชนีหรือไม่ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ข้อนี้คาดว่าจะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อดัชนี MSCI Global Investable Market (MSCI GIMI) ในปัจจุบัน

 (2) การนำใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (NVDR) เข้ามามีบทบาทในการคำนวณดัชนีมากขึ้น

MSCI ต้องการนำ NVDR เข้ามามีบทบาทในการคำนวณดัชนีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากหุ้นตัวนั้นไม่มีข้อจำกัดการออก NVDR เช่น หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่หุ้นกลุ่มการเงิน (Real Sector) จะไม่มีข้อจำกัดการถือหุ้นของต่างชาติ (Foreign Ownership Limit – FOL) ดังนั้นต่างชาติจะลงทุนผ่าน NVDR ได้ไม่จำกัด เทียบกับหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะมีเพดานการออก NVDR จำกัดที่ 25% (ยกเว้น BBL และ KBANK อยู่ที่ 35%) เพราะฉะนั้น หากการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ข้อนี้ได้รับความเห็นชอบ คาดว่าจะส่งผลให้น้ำหนักหุ้นไทยในดัชนี MSCI Emerging Market (MSCI EM) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบันที่ประมาณ 2.5% เป็น 3.0% และคาดว่าจะมีหุ้นใหม่ 4 ตัว คือ INTUCH, DTAC, RATCH และ CENTEL เข้าคำนวณในดัชนี MSCI Thailand ขณะที่หุ้น MTC เสี่ยงปลดถูกออกไป นอกจากนี้ หุ้นที่คาดว่าจะได้รับการปรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ SCC, BDMS, INTUCH, CPN และ RATCH

(3) การเลิกนำตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipts – DR) เข้ามารวมในข้อจำกัด FOL สำหรับตลาดหุ้นอินเดีย

ปัจจุบัน DR มีสภาพคล่องในการซื้อขายลดลงอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ไม่สามารถลงทุนได้จริง ดังนั้น MSCI จึงจะปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การคำนวณ FOL โดยไม่รวม DR เข้ามาอีกต่อไป ในการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ข้อนี้คาดว่าจะส่งผลให้หุ้นอินเดียในดัชนี MSCI Emerging Market ลดลงจาก 8.78% เป็น 8.55%

(4) การนำหุ้นที่เหลือสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติ (Foreign Room) น้อยกว่า 3.75% ออกจากการคำนวณดัชนีไปเลย

ปัจจุบันแม้หุ้นบางตัวมี Foreign Room น้อยกว่า 3.75% แต่อาจยังอยู่ในการคำนวณดัชนีได้หากยังมีสภาพคล่องในการซื้อขาย DR ที่สูง แต่การซื้อขายผ่าน DR มักจะมีปัญหาด้านราคาส่วนเกิน (Premium) / ราคาส่วนลด (Discount) จากกระดานราคาในประเทศ ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนของราคาในการคำนวณดัชนีสูง (Tracking Error) ดังนั้นเพื่อขจัดปัญหาดังกล่าว MSCI จึงจะนำหุ้นที่มี Foreign Room เหลือน้อยกว่า 3.75% ออกจากการคำนวณดัชนีไปเลย การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ข้อนี้จะมีผลให้หุ้นบางตัว คือ Ryanair ในตลาดหุ้น ไอร์แลนด์ และหุ้น KT Corp ของตลาดหุ้นเกาหลีถูกออกจากการคำนวณดัชนี เป็นต้น

Back to top button