“ธนาธร” ย้ำชัด! ลุยกำจัด “สืบทอดอำนาจ” พร้อมรับเงื่อนไขพรรคคะแนนสูงสุดเสนอนายกฯ

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้า พรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ระบุว่า “ผมขอกล่าวในนามกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรค ขอบคุณประชาชนคนไทยทุกคนที่ให้ความไว้วางใจ และสนับสนุนในการลงคะแนนให้กับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งสะท้อนว่าพรรคเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ จากคะแนนเสียงที่มาเป็นอันดับที่ 3 ณ ล่าสุด พรรคได้จำนวนที่นั่ง ส.ส.รวมกันเกิน 80 ที่นั่ง ตามที่พรรคเคยได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ มีเพียงพื้นที่ภาคใต้ที่พรรคไม่ได้ที่นั่ง ส.ส.เขต ซึ่งก็แสดงว่าพรรคยังทำงานไม่หนักแน่นมากพอ”

นายธนาธร กล่าวอีกว่า ครั้งหน้าจะทำงานให้เข้มข้นมากกว่าเดิม ขณะนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่พรรคภูมิภาค แต่เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเป็นพรรคที่มีคะแนนดิบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มาเป็นอันดับที่ 1 จึงขอขอบพระคุณชาวกรุงเทพมหานครทุกคะแนนเสียง

“นี่เป็นเพียงก้าวแรก เรายังมุ่งมั่นที่จะสานต่องานทางการเมืองต่อไปเพื่อประเทศชาติต่อไป” นายธนาธร  กล่าว

นายธนาธร ยังระบุถึงจุดยืน 4 ข้อของพรรคอนาคตใหม่ ประกอบด้วย

1.หลักการจัดตั้งรัฐบาล โดยตนยืนยันพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคจะไม่แสดงชื่อตนเองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี  เพราะพรรคต้องการมุ่งมั่นเดินตามหลักการของระบอบประชาธิปไตย  ที่ให้คะแนนพรรคที่ได้คะแนนสูงสุดอันดับหนึ่งในการแสดงรายชื่อนายกรัฐมนตรี และไม่เห็นว่าประเด็นนี้จะเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดทางตันทางการเมือง หรือ เดทล็อค

2.กลไกปิดสวิสต์ ส.ว. จนถึงวินาทีนี้ พรรคยังยืนยันมาตรการแนวทางนี้ยังเป็นไปได้ โดยพรรคที่สืบทอดอำนาจของ คสช.รวมๆจะได้ 124 กว่าที่นั่ง ดังนั้น ตนขอเชิญชวนพรรคการเมือง  นักการเมืองทุกคน  ที่ยังเชื่อว่า ส.ส.ต้องมาจากเสียงของประชาชน มาร่วมกันสนับสนุนเรียกร้องให้มีการปิดสวิสต์ ส.ว.ที่สภาล่าง ซึ่งนี่เป็นวิธีที่สันติที่สุขเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย

ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล  เลขาธิการพรรค  แถลงถึงจุดยืนอีก 2 ข้อที่เหลือ ประกอบด้วยข้อ 3.เงื่อนไข MOU ในการจัดตั้งรัฐบาล และข้อเรียกร้องต่อ กกต. นายปิยบุตร  ระบุว่า  เงื่อนไข MOU ในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคยังยืนยันถึงการร่วมรัฐบาลที่มาจากข้อตกลงร่วมกัน บนหลักการพื้นฐานเดียวกัน โดยวางเงื่อนไข 3 ข้อ

1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) ฉบับปี 2560 เพื่อเปิดทางจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับที่มาจากประชาชน และไปจบที่การออกเสียงประชามติ

2.ต้องจัดการมรดกบาปของ คสช. เสนอวิธีการปลดมาตรา 279 ของ รธน. ปี 60 ที่ระบุให้ปลดล็อกอำนาจของหัวหน้า คสช.

3.จำเป็นต้องปฏิรูปกองทัพให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย

ส่วนจุดยืนข้อ 4 ข้อเรียกร้องต่อ กกต.นั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อผลการนับคะแนนที่เกิดขึ้น พรรคขอเรียกร้องให้ กกต.เปิดเผยข้อมูล ของผู้มีสิทธิผู้ไปใช้สิทธิ จำนวนบัตรที่พิมพ์ จำนวนบัตรที่เอาไปใช้ลงคะแนน  โดยให้เปิดเผยแต่ละหน่วยเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดความกระจ่างและชัดเจนโปร่งใส ให้สาธารณชนได้เห็นถึงกระบวนการทำงานอย่างสุจริตยุติธรรมและในวันพรุ่งนี้ พรรคพร้อมกับว่าที่ ส.ส.จะเดินทางไปที่ กกต. เพื่อยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว พร้อมพิจารณาว่าจำเป็นหรือไม่ ว่าจะต้องมีการนับคะแนนใหม่ ซึ่งหากคณะกรรมการเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใดๆต่อการตรวจสอบ

หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังเผยถึงการพูดคุยจัดตั้งรัฐบาล ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีโอกาสพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยเล็กน้อย แต่ยังไม่ได้ลงในรายละเอียด ยืนยันไม่มีการพูดคุยถึงเก้าอี้ ตำแหน่งรัฐมนตรี หรือเงื่อนไขใดๆ เบื้องต้นมีความเห็นที่ตรงกัน เรามีจุดยืนที่เหมือนกันคือไม่ต้องการจะสืบทอดอำนาจของ คสช. และทำให้ประเทศชาติเกิดการเปลี่ยนแปลง