SELIC วิ่งฉิว 6% นิวไฮรอบ 8 เดือน เก็งงบไตรมาส 1/62 สดใส หลังบุ๊กรายได้กลุ่ม “PMC”
SELIC วิ่งฉิว 6% นิวไฮรอบ 8 เดือน เก็งงบไตรมาส 1/62 สดใส หลังบุ๊กรายได้กลุ่ม "PMC" โดย ณ เวลา 15.35 น. ราคาอยู่ที่ 3.16 บาท บวก 0.18 บาท หรือ 6.04% สูงสุดที่ 3.18 บาท ต่ำสุดที่ 2.94 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 6.81 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC ล่าสุด ณ เวลา 15.35 น. อยู่ที่ 3.16 บาท บวก 0.18 บาท หรือ 6.04% สูงสุดที่ 3.18 บาท ต่ำสุดที่ 2.94 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 6.81 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 8 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 3.16 บาท เมื่อวันที่ 12 ก.ค.61
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/62 เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเริ่มมีการบันทึกกำไรและรายได้กลุ่ม PMC คือ บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ จำกัด (PMCT) ในประเทศไทย และบริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ พีทีอี ลิมิเตด (PMCS) ในประเทศสิงคโปร์ เข้ามาในไตรมาส 1/62 เป็นต้นไป ภายหลังควบรวมกิจการแล้วเสร็จเมื่อ 4 ม.ค. 2562 ซึ่งปัจจุบันมีการส่งทีมงานปรับปรุงด้านระบบบัญชี ทำให้มั่นใจว่าในแง่ของการดำเนินงานทางธุรกิจจะสานต่องานได้อย่างยั่งยืน
“ปี 2561 รายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2560 โดยผลการดำเนินปี 2561 ในด้านบัญชีจะขาดทุน เนื่องจากมีต้นทุนจากการควบรวมกิจการ PMC ซึ่งเรามีความตั้งใจที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนและเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัท โดยการลดต้นทุน รักษาฐานลูกค้า ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการขยายการเติบโตทางธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการ โดยเราได้มีการเข้าไปลงลึกถึงรายละเอียดการทำงานของ PMC ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงระบบบัญชี การรับรู้รายได้
อีกทั้งการควบรวมครั้งนี้ทำให้ฐานลูกค้าของเรามีมากขึ้น เราจึงต้องลงไปทำความรู้จักกับลูกค้าใหม่ พร้อมทั้งศึกษา และวิเคราะห์ถึงความต้องการของตลาดสติ๊กเกอร์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกาวโดยตรง ประกอบด้วยการเติบโตของอุตสาหกรรมกาวโลกที่นับวันมีแต่เพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น ทำให้เรามั่นใจว่าปี 2562 ผลประกอบการหลังการควบรวมกิจการจะดีขึ้นอย่างแน่นอน” นายเอก กล่าว
สำหรับกลยุทธ์ในปี 2562 บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะมุ่งเน้นขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศ มุ่งเน้นกาวน้ำและกาวหลอมร้อน รวมถึงขยายตลาดอาหารและเครื่องดื่ม ตลาดเฟอร์นิเจอร์ ตลาดยานยนต์ ตลาดฉลากและบรรจุภัณฑ์
ส่วนตลาดต่างประเทศ เน้นการขยายตลาดอาเซียน โดยมีแผนขยายตลาด CLMV และ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และยังมีแผนเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในเวียดนาม จากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้นบริษัทฯ มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตกว่าปี 2561