น้ำมันดิบปิดร่วงหลังสต็อกสหรัฐพุ่ง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 9 สัปดาห์ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.51 ดอลลาร์ ปิดวานนี้ (1 ก.ค.) ที่ 56.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.01 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 มิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 465.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 9 สัปดาห์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 123,000 บาร์เรล สู่ระดับ 56.4 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 392,000 บาร์เรล สู่ระดับ 135.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 216.7 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

Back to top button