สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 เม.ย. 2562
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) เนื่องจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีนช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์พุ่งขึ้นขานรับข่าวจีนขยายเวลาการระงับเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์เพิ่มเติมจากสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,258.42 จุด เพิ่มขึ้น 329.74 จุด หรือ +1.27% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,867.19 จุด เพิ่มขึ้น 32.79 จุด หรือ +1.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,828.91 จุด เพิ่มขึ้น 99.59 จุด หรือ +1.29%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับภาคการผลิตของจีนที่แข็งแกร่ง รวมทั้งความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1.21% ปิดที่ 383.67 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,405.53 จุด เพิ่มขึ้น 55.01 จุด หรือ +1.03% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,681.99 จุด เพิ่มขึ้น 155.95 จุด หรือ +1.35% ขณะที่ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,317.38 จุด เพิ่มขึ้น 38.19 จุด หรือ +0.52%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งจากจีน ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ของอังกฤษ ขณะที่ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนช่วยดันตลาดขึ้นด้วย ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,317.38 จุด เพิ่มขึ้น 38.19 จุด หรือ +0.52%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐและจีน รวมทั้งการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และการที่สหรัฐทำการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านและเวเนซุเอลา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.45 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 61.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 69.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับข้อมูลภาคการผลิตที่สดใสของสหรัฐและจีน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 4.30 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,294.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.10 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 15.099 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 855.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 50 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 1,391.80 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโรและเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิตสหรัฐที่ขยายตัวสูงกว่าคาดในเดือนมี.ค. ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกระบวนการที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.36 เยน จากระดับ 110.82 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9989 ฟรังก์ จากระดับ 0.9960 ฟรังก์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3310 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3355 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.1211 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1214 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3125 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3003 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7112 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7097 ดอลลาร์สหรัฐ