PTT เผยแผนนำ PTTOR เข้าตลาดหุ้นคืบหน้า 80% ลุยขยายสาขาปั๊มรูปแบบดีลเลอร์

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า แผนการนำบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น ยังมีความล่าช้าหลังจาก ปตท.เพิ่งแยกกิจการให้กับ PTTOR เมื่อวันที่ 1 ก.ค.61 และยังมีสิ่งที่ต้องดำเนินการต่อ ทั้งในส่วนการโอนตัวทรัพย์สิน โอนสัญญา และโอนคู่ค้า ซึ่งทั้งหมดมีเป็น 10,000 รายการ แต่ขณะนี้สามารถดำเนินการได้แล้ว 80% หลังจากนี้ก็จะดำเนินการในส่วนที่เหลืออีก 20% ให้แล้วเสร็จ แต่ยืนยันว่าการล่าช้าดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อ ปตท. เพราะปัจจุบัน ปตท.ยังถือหุ้นใน PTTOR ในสัดส่วน 100%

“การโอนตัวรายการต่าง ๆ มีเยอะมาก เป็นหมื่นรายการ ขณะนี้เราทำได้ประมาณ 80% แล้ว การที่ขอยืดเวลาออกมาประมาณ 6 เดือน ก็เพื่อที่จะเคลียร์ 20% ให้เสร็จ ส่วนผลกระทบจะเกิดขึ้นเยอะไหมจากความล่าช้านี้ ก็คาดว่าไม่กระทบอะไรเพราะ PTTOR ยังดำเนินธุรกิจน้ำมันของ ปตท.อยู่ตามปกติ และเราก็ถือ 100% ผลประกอบการของ PTTOR ก็จะ consolidate เป็นผลประกอบการของปตท.ทั้ง 100%” นายอรรถพล กล่าว

สำหรับแผนการขยายสถานีบริการน้ำมันในประเทศ จะยังขยายในรูปแบบของดีลเลอร์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 80% ส่วนการลงทุนของ ปตท.เอง จะเป็นการลงทุนเพื่อสร้างมาตรฐานของสถานีบริการเท่านั้น

ส่วนแผนการขยายร้านกาแฟ “คาเฟ่ อเมซอน”นั้น ปัจจุบันมีการขยายทั้งในสถานีบริการและนอกสถานีบริการ แต่แผนการขยายในสถานีบริการจะจำกัดตามแผนขยายสถานีบริการ ซึ่งก็จะทำให้การขยายนอกสถานีบริการก็อาจจะสูงกว่าในสถานีบริการ ซึ่งปัจจุบันมีร้านคาเฟ่ อเมซอนในสถานีบริการ 1,600 แห่ง และนอกสถานีบริการ 600-700 แห่ง รวมถึงยังมีการขยายในต่างประเทศด้วยที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 200 แห่ง ส่วนการขยายร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ ยังไม่มีแผนขยายออกไปนอกสถานีบริการ

ด้านนายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ยังคงเป็นตลาดของผู้ซื้อ และปริมาณ LNG ที่ยังคงมีอยู่มาก เนื่องจากเริ่มมีสัญญาณการนำเข้ามากขึ้นจากจีนซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่ โดยในปีที่ผ่านมาจีนนำเข้า LNG มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ จากการที่ลดใช้ถ่านหินและหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติมากขึ้น

“ตลาดคาดการณ์ 4-5 ปีข้างหน้า Supply LNG ยังมีมากอยู่ แม้จีนจะบริโภคมากขึ้น ช่วงนี้ยังเป็นตลาดของผู้ซื้อ ระดับราคา LNG ไม่สูงมากนัก แต่ LNG ก็เป็นสินค้า Commodity ที่เป็น Cycle หลังจาก 4-5 ปีนี้ LNG ก็มีแนวโน้มราคาสูงขึ้น”นายวิรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ ปตท.มีหน้าที่รักษาเสถียรภาพด้านพลังงาน ก็มียุทธศาสตร์ในการรุกตลาด LNG ด้วยการลงทุนห่วงโซ่ธุรกิจ (Value Chain) และธุรกิจขั้นต้นของ LNG เพิ่มขึ้นเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกัน

ขณะเดียวกัน จะติดตามพัฒนาการกำหนดสูตรราคา LNG หลังจากปัจจุบันเริ่มมีสัญญาการซื้อขายที่อิงกับราคาถ่านหิน จากเดิมที่อิงกับราคาน้ำมันหรือราคาก๊าซฯ ขณะที่การผลิต LNG มีออกมามากในตลาด ซึ่งจะติดตามดูว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นเชื่อว่ากรณีดังกล่าวจะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภค

ส่วนการที่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ.ที่ได้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) สำหรับแหล่งบงกชและเอราวัณ ตั้งแต่ปี 65-66 นั้น ด้วยราคาก๊าซฯ ที่ต่ำ ซึ่งก็จะทำให้การซื้อก๊าซฯ เพื่อส่งเข้าโรงแยกก๊าซฯ ของปตท.มีราคาลดลงด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ให้ธุรกิจปิโตรเคมีที่ใช้ก๊าซฯ จากโรงแยกก๊าซฯ เป็นวัตถุดิบจะมีศักยภาพการแข่งขันมากขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นจากโรงแยกก๊าซฯ อย่างก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) จะมีราคาถูกลง ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค