ปรับหมากกลยุทธ์ ภาคบ่าย – บล.เอเซีย พลัส
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส สรุปทิศทางและแนวโน้มตลาดบ่ายนี้
หุ้นกลุ่ม ธ.พ. ยังคงกดดันดัชนีต่อเนื่อง กลยุทธ์ยังคงหลีกเลี่ยงกลุ่มการเงิน และไปรอเก็บหุ้น High Dividend จ่ายปันผลระหว่างกาลสูง ADVANC, INTUCH หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเร่งลงทุนของรัฐ CK หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท TUF
มุมมองและการวิเคราะห์ :
– ตลาดหุ้นเอเซียช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ยังคงสามารถยืนในแดนบวกได้ โดยตลาดหุ้นนอกกลุ่ม TlP ล้วนยืนได้ในแดนบวกเกือบหมด นำโดย ตลาดหุ้นญี่ปุ่นฟื้นตัวมากที่สุด 1.11%(ฟื้นตัวขึ้นได้ 3 ติดต่อกัน) ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับเพิ่ม 0.36% ตลาดหุ้นเกาหลีบวกขึ้นมา 0.45% ตลาดหุ้นไต้หวันปรับเพิ่ม 0.02%มีเพียงตลาดหุ้นจีนที่ติดลบมากถึง 2.82% ขณะที่หุ้นในกลุ่ม TlP โดยมากยังคงสามารถยืนได้ในแดนบวก โดยล่าสุด ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปรับเพิ่มขึ้น 0.53% ตลาดหุ้นอินโดนิเซียบวกขึ้นมา 0.75% ยกเว้น ตลาดหุ้นไทยที่ล่าสุดติดลบ 1.52%
– SET ล่าสุดปิดที่ 1,496.75 จุด ติดลบ 7.80 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่ม ธ.พ. ที่โดนถล่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จากกำไรในงวด 2Q58 ที่มีแนวโน้มปรับลดลงทั้ง qoq และ yoy สืบเนื่องมาจาก NlM ที่ลดลง และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ (Credit Cost) ตามระดับ NPL ที่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น โดยหุ้นหลักในกลุ่มทยอยติดลบกันทั้งหมด เริ่มจาก KBANK ติดลบ 4.50% SCB ติดลบ 2.89% KTB ติดลบ 2.34% และ BBL ติดลบ 2.25% ทำให้ระดับ PBV ของหุ้นได้ปรับลดลงมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV ย้อนหลัง 12 ปี ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนได้ถึงราคาที่ได้ซึมซับต่อปัจจัยกดดันในประเด็นดังกล่าวไปพอสมควร และน่าจะทาให้ Downside Risk เริ่มจำกัด อย่างไรก็ตามในระยะสั้นยังคงแนะนำให้ควรชะลอการลงทุนในหุ้นกลุ่ม ธ.พ.ไปก่อน
– นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยก็ยังอยู่ในภาวะย่ำแย่ จากดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจที่ออกมายังคงไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะตัวเลขการส่งออกเดือน พ.ค. ที่ติดลบไป 5.01% ส่งผลให้ 5 เดือนปีนี้ การส่งออกยังหดตัวติดต่อกันทุกเดือน แม้จะได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า แต่กำลังซื้อในตลาดโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจเอเชียที่ชะลอลงส่งผลต่อความต้องการสินค้า นอกจากนี้ผลกระทบจากกำหนดมาตรฐานสากลเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว และการทำประมงผิดกฏหมาย ยังทำให้ไทยมีความเสี่ยงด้านแรงงาน ขณะที่การนำเข้าติดลบเกือบ 20% เป็นการหดตัวในทุกหมวดสินค้า สะท้อนถึงความซบเซาของกิจกรรมการผลิตการลงทุนในประเทศ นอกจากนี้ ปัญหาภัยแล้งยังอาจจะกระทบต่อการผลิตภาคการเกษตร โดยก่อนหน้านี้ได้ปรับลด GDP Growth ของภาคเกษตรลงจากเดิม 2.5-3.0% มาอยู่ที่ 1.4% โดยส่วนนี้จะกระทบต่อ GDP Growth รวมทั้งประเทศให้ปรับตัวลงถึง 0.15% สารพัดปัจจัยลบน่าจะทาให้สำนักเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึงของภาครัฐอย่างกระทรวงการคลัง โดย สศค. จะมีการปรับลดประมาณการ GDP Growth ลงจากเดิม 3.7% เช่นเดียวกับสภาอุตสาหกรรมไทย ประเมินว่า GDP Growth ของไทยปีนี้มีสิทธิ์ลงต่ำกว่า 3%
กลยุทธ์การลงทุน Investment Tactic :
– หุ้นเด่นเดือน ก.ค.58 เน้น High Dividend Yield ADVANC lNTUCH SENA TVO และ TTW
– หุ้นกลุ่มรับเหมาฯจากโอกาสในการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ CK, STEC
– หุ้น Domestic ที่ลงมากกว่าตลาดและ Laggard มาก BLA
– หุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการดีต่อเนื่อง TASCO, lRPC
– Portfolio Update : ASK , BLA, CK, STPl, VNG