ผถห. THAI ไฟเขียวโอน “ทุนสำรองฯ-แชร์พรีเมี่ยม” 2.82 หมื่นลบ.ล้างขาดทุนสะสมแล้ว
ผถห. THAI ไฟเขียวโอน “ทุนสำรองฯ-แชร์พรีเมี่ยม” 2.82 หมื่นลบ.ล้างขาดทุนสะสมแล้ว
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า วานนี้ (26 เม.ย.62) ในการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ที่ประชุมได้พิจารณาวาระสำคัญหลายเรื่อง โดยเฉพาะในวาระที่ 7 คือ พิจารณาอนุมัติการโอนทุนสำรองตามกฎหมายและเงินสำรองที่เกิดจากส่วนล้ำมูลค่าหุ้น เพื่อชดเชยผลการขาดทุนสะสมของบริษัทฯ
โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯมีมติอนุมัติให้โอนทุนสำรองตามกฎหมาย 2,691.27 ล้านบาท และเงินสำรองที่เกิดจากส่วนล้ำมูลค่าหุ้น 2.55 หมื่นล้านบาท เพื่อไปชดเชยผลขาดทุนสะสมจำนวน 2.8 หมื่นล้านบาท (ในงบการเงินเฉพาะกิจการ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2561 )
นอกจากนี้ยังพิจารณาอนุมัติวาระที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ วาระ เรื่องรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2561 ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นฯ รับทราบผลการดำเนินงานประจำปี 2561 กลุ่มบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2561 ของกลุ่มบริษัทฯ (บริษัทฯ และบริษัทย่อย) มีรายได้จากการดำเนินงานรวมจำนวน 199,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นทำให้กลุ่มบริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 11,569 ล้านบาท
ในปี 2561 บริษัทการบินไทยฯ ได้รับมอบเครื่องบินใหม่ จำนวน 5 ลำ และปลดระวางเครื่องบินแบบโบอิ้ง B737-400จำนวน 2 ลำ ทำให้ฝูงบินของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 มีจำนวน 103 ลำ สูงกว่า ณ สิ้นปีก่อน 3 ลำ โดยมีอัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบิน 12.0 ชั่วโมง เท่ากับปีก่อน มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้น 2.9% ปริมาณขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 1.0% อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 77.6% ต่ำกว่าปีก่อน ซึ่งเฉลี่ยที่79.2%
โดยมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 24.3 ล้านคน ลดลงจากปีก่อน 1.0% ในปีนี้ บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงทางบัญชี ได้แก่ การเปลี่ยนประมาณการมูลค่าคงเหลือของเครื่องบินและเครื่องยนต์อะไหล่ จากเดิมร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 6 ของมูลค่าต้นทุนเริ่มแรกทำให้ค่าเสื่อมราคาของเครื่องบินและเครื่องยนต์อะไหล่ในปี 2561 เพิ่มขึ้น จำนวน 3,129 ล้านบาท และการทบทวนระยะเวลาการรับรู้บัตรโดยสารที่จำหน่ายแล้วแต่ยังไม่ได้ใช้บริการ จากเดิมรับรู้เป็นรายได้เมื่อบัตรโดยสารมีอายุเกินกว่า 24 เดือน เป็น 15 เดือน นับจากวันที่ออกบัตรโดยสาร ทำให้รายได้ค่าโดยสารสำหรับปี 2561 เพิ่มขึ้น 1,028 ล้านบาท
ในปี 2561 การแข่งขันอุตสาหกรรมการบินยังคงรุนแรง ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงสุดในรอบ 4 ปี บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวมจำนวน 199,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,554 ล้านบาท (3.9%) ทั้งจากรายได้ค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน รายได้ค่าระวางขนส่งไปรษณียภัณฑ์ รายได้จากการบริการอื่นๆ และรายได้อื่นๆ แต่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น
โดยมีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 208,558 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,468 ล้านบาท (10.3%) เป็นผลจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 9,881 ล้านบาท (19.7%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 30.1% อย่างไรก็ตาม มีการบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้นกว่าปีก่อน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมน้ำมันสูงขึ้น 9,802 ล้านบาท (7.3%) สาเหตุหลักเกิดจากค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยาน ค่าเช่าเครื่องบิน และค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณการผลิตและปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่มีต้นทุนทางการเงินสุทธิลดลง 215 ล้านบาท (4.7%) จากการบริหารเงินสดและการปรับโครงสร้างทางการเงินต่อเนื่องจากปีก่อนส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยประจำปี 2561 ขาดทุนจากการดำเนินงาน 9,058 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนมีกำไร 2,856 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน จำนวน 3,459 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 911 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการตีมูลค่าหนี้สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยขาดทุนสุทธิ 11,569 ล้านบาท โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 11,625 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 5.33 บาท ในขณะที่ปีก่อนขาดทุนต่อหุ้น 0.97 บาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูธุรกิจปี 2561 เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทฯ หลุดพ้นจากปัญหาการขาดทุน และสามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยในปี 2562 นี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะสร้างรายได้อย่างเร่งรัดโดยจะดำเนินการในหลายมิติ ได้แก่ การปรับปรุงฝูงบินให้ทันสมัยและสามารถแข่งขันได้ การปรับปรุงการบริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การบริการภาคพื้นจนถึงการบริการบนเครื่องบิน (Ground to Sky) การบริหารจัดการด้านการขายและการตลาด โดยเฉพาะด้าน Digital Marketing การหารายได้เสริม การเพิ่มขีดความสามารถและการขยายธุรกิจ เช่น โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (Maintenance Repair and Overhaul : MRO) รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงศักยภาพด้านบุคลากร และการจัดโครงสร้างทางการเงินให้เหมาะสมกับธุรกิจยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีวาระ เรื่องการงดจ่ายเงินปันผลที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติงดจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีผลกำไรจากการดำเนินงานในรอบปี 2561 และตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ กำหนดให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิก่อนหักผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากงบการเงินรวม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแผนการลงทุน ความจำเป็น และความเหมาะสมอื่นๆ ในอนาคต
อีกทั้งพิจารณาอนุมัติวาระเรื่องการเลือกตั้งกรรมการบริษัทฯใหม่ การประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 นี้ มีกรรมการออกตามวาระ ดังนี้ นายดิสทัต โหตระกิตย์,นายรัฐพล ภักดีภูมิ,นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย,นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม,นายคณิศ แสงสุพรรณ (ลาออกเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2560)
โดยที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติแต่งตั้งกรรมการบริษัทฯ รายเดิมต่ออีกวาระหนึ่ง จำนวน 3 ท่าน ดังนี้ นายดิสทัต โหตระกิตย์,นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย,นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม
นอกจากนี้ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติให้แต่งตั้งกรรมการบริษัทฯ แทนกรรมการบริษัทฯ ที่ออกตามวาระ จำนวน 2 ท่าน ดังนี้ นายดนุชา พิชยนันท์ เป็นกรรมการแทน นายคณิศ แสงสุพรรณ และนางสาวนิตยา ดิเรกสถาพร เป็นกรรมการแทน นายรัฐพล ภักดีภูมิ