ผถห. TWPC ยิ้มรับปันผลหุ้นละ 0.32 บ. ปักหมุดปี 62 รายได้โต 8% รับแผนขยายฐานเต็มสูบ

ผถห. TWPC ยิ้มรับปันผลหุ้นละ 0.32 บ. ปักหมุดปี 62 รายได้โต 8% รับแผนขยายฐานเต็มสูบ


นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2562 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ได้มีมติจ่ายเงิน ปันผลในงวดผลการดำเนินงานปี 2561 เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.32 บาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 8 พฤษภาคม 2562 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 7 พ.ค. 2562 ขณะที่จ่ายเงินปันผลวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 ทั้งนี้ มูลค่าการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้อยู่ที่ 281.73 ล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในไตรมาส1/62 ถือว่ามีสถานการณ์ดีขึ้น โดยเฉพาะราคาต้นทุนหัวมันสำปะหลังที่ลดลง และเริ่มรับรู้รายได้ของ บริษัท แม่สอด สตาร์ช จำกัด และบริษัท แม่สอด ไบโอแก๊ส จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และผลิตแก๊สชีวภาพ โดยการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายการขยายการลงทุนของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต และเป็นการกระจายแหล่งการจัดหาแหล่งวัตถุดิบ พร้อมทั้งสนับสนุนรายได้และกำไรของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่่งสถานการณ์โดยรวมเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

“ตอนนี้ บริษัทฯ เริ่มเดินเครื่องผลิตเต็มที่ ซึ่งถือว่าปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้หลังจากซื้อโรงงานแม่สอด สตาร์ช จะส่งผลให้บริษัทฯ มีวัตถุดิบเข้าสู่การผลิตมากขึ้น ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้ประมาณ 15% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตแป้งมันสำปะหลังอยู่ที่ 399,000 ตันต่อปี เป็น 465,000 ตันต่อปี” นายโฮเรน กล่าว

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 บริษัทฯ ยังคงเป้ารายได้การเติบโตไว้ที่ระดับ 6-8%จาก    งวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากยอดขายทุกผลิตภัณฑ์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากเริ่มรับรู้รายได้ของ บริษัท แม่สอด สตาร์ช การขยายกำลังการผลิตสินค้าในกลุ่มแป้งสำมันปะหลัง HVA โดยยังเน้นขยายตลาดในประเทศจีน และไต้หวัน เพราะยังมีความต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทฯตั้งงบลงทุนรวมไว้ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปี โดยจะใช้ก่อสร้างโรงงานแป้งมันสำปะหลัง ที่กัมพูชา เฟส 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 และจะใช้เพิ่มกำลัง การผลิตกลุ่มสินค้า HVA ภายในประเทศ รวมทั้งจะใช้งบลงทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า จำนวน 2 โรง ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะเป็นการช่วยลดต้นทุนในการผลิตในด้านการใช้พลังงานได้ประมาณ 30 ล้านบาทต่อปีต่อโรง

Back to top button