ผถห. TITLE ไฟเขียวแจกปันผล “หุ้น-เงินสด” 24 พ.ค.นี้ ลุ้นรายได้ปีนี้โตแตะ 1 พันลบ.
ผู้ถือหุ้น TITLE ไฟเขียวแจกปันผล “หุ้น-เงินสด” ขึ้นเครื่องหมาย XD 9 พ.ค.นี้ กำหนดจ่าย 24 พ.ค.62 ลุ้นรายได้ปีนี้โตแตะ 1 พันลบ.
นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.0277777778 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) 10 พ.ค. 2562 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 9 พ.ค. และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 24 พ.ค. 2562
“การจ่ายปันผลเป็นหุ้นและเงินสดในครั้งนี้ของ TITLE ถือเป็นการตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ที่มีอุปการะคุณกับบริษัทฯด้วยดีเสมอมา โดยคาดการณ์ว่ารายได้ในนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท ดีกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 900 ล้านบาท เพราะยอดโอนของไตรมาส 4/2561 ที่ล่าช้าออกไปจะกลับเข้ามาบันทึกเป็นยอดโอนเพิ่มในปีนี้เป็นต้นไป” นายศศิพงษ์ กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2561 มีรายได้อยู่ที่ 311.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.07% จากปีก่อน เนื่องจากมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการ The Title หาดราไวย์ เฟส 3 ต่อเนื่อง และกำไรสุทธิอยู่ที่ 28.21 ล้านบาท
โดยปัจจุบันมีที่ดินรอการพัฒนารองรับอนาคตอีก 70-80 ไร่ ซึ่งสามารถพัฒนาโครงการได้อีกประมาณ 6-9 ปี และมีตลาดลูกค้าที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่า TITLE จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากลูกค้ากว่า 80% เป็นชาวต่างชาติ ไม่ได้ใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน ตลอดจนการรับเงินดาวน์สูง 50-75% ทำให้ โครงการของบริษัทฯ ใช้เงินกู้เพื่อโครงการในสัดส่วนที่น้อยมาก
ล่าสุด TITLE รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/62 มีรายได้จากการขาย 518.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 437.27 ล้านบาท หรือ 535.93% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 81.59 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 114.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.67 ล้านบาท หรือ 778.48% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 13.06 ล้านบาท ขณะที่กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/62 อยู่ที่ 0.26 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 0.03 บาท