EIC ทุ่ม 300 ลบ. ซื้อร้านชาบูแบรนด์ญี่ปุ่น “Kagonoya” บักหมุดลุยธุรกิจอาหาร
EIC ทุ่มงบ 300 ลบ.เข้าซื้อกิจการอีสเทิร์นควีซีน ร้านอาหารชาบู "Kagonoya" คาดแล้วเสร็จ Q3/62
บริษัท อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EIC ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 30 เม.ย. อนุมัติให้บริษัท ฟู้ดโฮลดิ้ง จำกัด (Food Holding) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อหุ้นทั้ง 100% ในบริษัท อีสเทิร์นควีซีน (ประเทศไทย) จำกัด (อีสเทิร์นควีซีน) มูลค่า 300 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/62
อนึ่ง อีสเทิร์นควีซีน ประกอบธุรกิจร้านอาหารชาบูบุฟเฟต์สไตล์ญี่ปุ่น โดยได้นำแบรนด์ Kagonoya จากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น มาเปิดบริการ ปัจจุบันมีสาขาภายใต้การบริหารจำนวน 8 สาขา ได้แก่ เมอร์คิวรี่ วิลล์ ,เดอะ วอล์ค เกษตร-นวมินทร์ ,เดอะ วอล์ค ราชพฤกษ์ , เมส ทองหล่อ ,เมกาบางนา , เสนาเฟส , มาร์เก็ตเพลสนางลิ้นจี่ และเควิลเลจ
ทั้งนี้ อีสเทิร์นควีซีน จะมีมูลค่ายุติธรรมอยู่ระหว่าง 283.94 – 361.8 ล้านบาท โดยบริษัทจะได้รับผลตอบแทน (Internal Rate of Return) ในอัตราเท่ากับ 9.11 -13.34% ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ไม่ต่ำกว่าต้นทุนทางการเงินถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของบริษัท (Weighted Average Cost of Capital :WACC) ที่ปัจจุบันมีอัตรา 8.52-10.52% และบริษัทได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสด (Net Present Value of the Free Cash Flow) ที่หักมูลค่าซื้อขายที่ 300 ล้านบาทแล้ว ที่ประมาณ 18.72 ล้านบาท โดยยังไม่รวมมูลค่าส่วนเพิ่มจากการเปิดสาขาและการเปลี่ยนแผนธุรกิจของอีสเทิร์นควีซีน
นอกจากนี้การเข้าซื้อหุ้นของ อีสเทิร์นควีซีน ดังกล่าวมีระยะเวลาคืนทุน ประมาณ 11-12 ปี โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดตามการประมาณการในปี 2562 ถึงปี 2566 และสำหรับกระแสเงินสดในปีต่อจากปี 2566 เป็นต้นไป พิจารณาจากกระแสเงินสดของปี 2566 เนื่องจากปีดังกล่าวเป็นปีที่กระแสเงินสดของ อีสเทิร์นควีซีน ตามการประมาณการเสถียรแล้ว
โดยการเข้าลงทุนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจของบริษัทไปสู่ธุรกิจอาหาร เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการประกอบธุรกิจจากธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตและจำหน่ายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจเป็นผู้ให้บริการเช่าพื้นที่ป้ายโฆษณานอกบ้าน (Out of Home Media) ประเภทบิลบอร์ด (ธุรกิจบิลบอร์ด) และเพื่อช่วยส่งเสริมให้บริษัทมีศักยภาพในการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพสำหรับการประกอบธุรกิจของบริษัทในระยะยาว
สำหรับแหล่งเงินลงทุนใน อีสเทิร์นควีซีน มาจากการขายหุ้นบางส่วนของบริษัทลูกของบริษัท โดยคาดว่าบริษัทจะได้รับเงินจำนวนประมาณ 75 ล้านบาท , กระแสเงินสดภายในประมาณ 25 ล้านบาท และการกู้ยืม โดยปัจจุบันบริษัทไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยเลย ซึ่งบริษัทอาจนำสินทรัพย์หรือเงินลงทุนที่มีศักยภาพไปใช้เป็นหลักประกันในการจัดหาเงินกู้ยืมดังกล่าว นอกจากนี้ ในกรณีที่มีผู้ที่สนใจเข้าซื้อเงินลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงของบริษัท หากข้อเสนอดังกล่าวมีความเหมาะสมและสร้างผลกำไรให้แก่บริษัท บริษัทก็อาจพิจารณาเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินดังกล่าวทั้งจำนวนมาให้ Food Holding ซื้อหุ้นของอีสเทิร์นควีซีน