EA กำไรไตรมาส 1 แตะ 1.2 พันลบ.หลังไร้บุ๊กพิเศษ ฟาก“ทริส”อัพเครดิตองค์กรตอกย้ำพื้นฐานแกร่ง

EA กำไรไตรมาส 1 แตะ 1.2 พันลบ.หลังไร้บุ๊กพิเศษ ฟาก“ทริส”อัพเครดิตองค์กรตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจแกร่ง


บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/62 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 62 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิลดลง เนื่องจากบริษัทในช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีกำไรทางบัญชีที่เกิดจากการรวมธุรกิจโดยไม่มีการโอนสิ่งตอบแทนสุทธิ จำนวน 894.58 ล้านบาท

ทั้งนี้หากพิจารณาเฉพาะกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจตามปกติส่วนของบริษัทใหญ่ (ไม่รวมรายการกำไรทางบัญชี, และกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้น และรายได้อื่นๆ) จะมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ จำนวน 1,145.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,034.63 ล้านบาท ปี 2561 จำนวน 110.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.71

ด้านนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/62 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจ 1,210.72 ล้านบาท แม้จะลดลงร้อยละ 37.81 จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่หากไม่รวมกำไรทางบัญชีและผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนอื่นๆ แล้ว จะทำให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,145.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.71 จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 3,086.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.36 จากงวดเดียวกันของปีก่อน (ไม่นับรายได้และกำไรทางบัญชีจากการรวมกิจการ Amita ในปี 2561 จำนวน 894.58 ล้านบาท) โดยมีปัจจัยที่สำคัญมาจากการเริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1, 5, 8 และ 9 ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกัน 180 เมกะวัตต์

ประกอบกับการมีพายุกระแสลมแรงในช่วงเดือนมกราคมปีนี้ ส่งผลให้จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.37 ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/62 บริษัทฯมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่มาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และลมรวมกันเท่ากับ 584 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการหนุมาน 10 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมสุดท้าย ขนาดกำลังผลิต 80 เมกะวัตต์ ได้เริ่มมีรายได้เมื่อวันที่ 13 เมษายน เป็นต้นมา

โดยภาพรวมของผลประกอบการในปีนี้ จึงมีการเติบโตอย่างโดดเด่นจากผลสำเร็จของโครงการหนุมาน จังหวัดชัยภูมิ เป็นสำคัญ ส่งผลให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเข้ามาไม่ต่ำกว่า 8 พันล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้จ่ายและลงทุนในโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

“การที่ธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทสามารถสร้างรายได้ได้อย่างมั่นคงจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับกฟผ.-กฟภ. ตลอดจนการดำเนินโครงการได้ตามเป้าหมาย จนฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้ทริสได้เพิ่มอันดับเครดิตองค์กรเป็นระดับ “A” แนวโน้ม “Stable” จากเดิมที่เป็นระดับ “A-” ถือเป็นการตอกย้ำถึงปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในลดต้นทุนทางการเงินที่จะใช้สำหรับลงทุนในโครงการต่างๆ ต่อไปอย่างเป็นสาระสำคัญ” นายอมร กล่าว

สำหรับแผนการลงทุนในปี 2562 ถึง 2563 นั้น บริษัทยังคงมุ่งเน้นไปที่โครงการผลิตแบตเตอรี่ ลิเที่ยมไอออน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนทั้งอุตสาหกรรมไฟฟ้าพ่วงแบตเตอรี่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และอื่นๆ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 9,200 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากทั้งกระแสเงินสดจากการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน และเงินกู้ยืมระยะยาวหรือการออกหุ้นกู้ตามที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติไว้ด้วยวงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกในการใช้บริหารต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

Back to top button