“อุปกิต ปาจรียางกูร” ลาออกบอร์ด UPA-ขายล้างพอร์ตหุ้น 600 ลบ. ก่อนร่วมรับตำแหน่งส.ว.
“อุปกิต ปาจรียางกูร” ลาออกบอร์ด UPA-ขายล้างพอร์ตหุ้น 600 ลบ. ก่อนร่วมรับตำแหน่งส.ว.
บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA เปิดเผยว่า นายอุปกิต ปาจรียางกูร ได้ขอลาออกจากตําแหน่ง กรรมการ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ได้เปลี่ยนแปลงการดำรงตำแหน่งผู้บริหารของ นายวิชญ์ สุวรรณศรี จากรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านบัญชีและการเงิน เป็น รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านบัญชีและการเงิน โดยมีผลในวันเดียวกัน
พร้อมกันนี้ รายงานว่านายอุปกิต ปาจรียางกูร ได้ดำเนินการขายหุ้นผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯบนกระดาน (Big Lot) รวมจำนวน 1,700 ล้านหุ้น มูลค่ารวมกว่า 600 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ UPA ซึ่งเป็นราคาเสนอขายใกล้เคียงกับราคาบนกระดาน
ด้านนายอุปกิต ปาจรียางกูร เปิดเผยถึงสาเหตุที่ลาออกและขายหุ้น UPA ว่า เนื่องจากต้องการแสดงให้เห็นความโปร่งใส สร้างบรรทัดฐาน และธรรมาภิบาลที่ดี ก่อนเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ว.) อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ เนื่องจาก UPA ดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนซึ่งมีอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ประกอบกับมีผู้บริหารและทีมงานที่เป็นมืออาชีพ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธรกิจให้กลับมาเทิร์นอะราวด์ ตามแผนที่วางเอาไว้
ทั้งนี้ UPA ได้วางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2562 กลับมาโดดเด่นอีกครั้ง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการโซลาร์สหกรณ์การเกษตรทั้ง 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการสหกรณ์ผู้ผลิตและผู้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ อ.กระแสสินธุ์, โครงการสหกรณ์การเกษตรวิเชียรบุรี และโครงการสหกรณ์การเกษตรกะทูน กำลังการผลิตรวม 7.95 เมกะวัตต์ ทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เข้ามามีอัตรารับซื้อไฟฟ้าอยู่ที่ 4.12 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 25 ปี ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้ประมาณ 48 ล้านบาท/ปี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการน้ำประปาแสนดินใน สปป. ลาว สัมปทาน 50 ปี กำลังการผลิตรวม 48,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ที่จะมีการเซ็นสัญญาซื้อขายน้ำในเร็วๆนี้ รวมทั้งยังมองหาโอกาสในการลงทุนพลังงานทางเลือกใหม่ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและการเติบที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจ