สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 พ.ค. 2562

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 14 พ.ค. 2562


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิววยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดพุ่งขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ระบุว่า สหรัฐกำลังอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นในการทำข้อตกลงกับจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,532.05 จุด พุ่งขึ้น 207.06 จุด หรือ +0.82% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,834.41 จุด เพิ่มขึ้น 22.54 จุด หรือ +0.80% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,734.49 จุด เพิ่มขึ้น 87.47 จุด หรือ +1.14%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) หลังจากร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์ โดยหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และกลุ่มสินค้าหรูหราหนุนตลาดดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1.01% ปิดที่ 376.34 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,341.35 จุด เพิ่มขึ้น 78.78 จุด หรือ +1.50% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,991.62 จุด เพิ่มขึ้น 114.97 จุด หรือ +0.97% ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,241.60 จุด เพิ่มขึ้น 77.92 จุด หรือ +1.09%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) หลังร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลอัตราการว่างงานในอังกฤษลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 45 ปี ขณะที่ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,241.60 จุด เพิ่มขึ้น 77.92 จุด หรือ +1.09%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาด และฉุดสัญญาทองคำปิดที่ระดับต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 5.5 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,296.3  ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 3.5 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 14.812 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 4.2 ดอลลาร์ หรือ 0.49% ปิดที่ 859.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 16.20 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 1333.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) หลังจากมีรายงานว่า กลุ่มก่อการร้ายได้โจมตีท่อส่งน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย โดยสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ตลาดคาดการณ์เกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลก และยังช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 61.78 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 71.24 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาการค้า ขณะที่สกุลเงินยูโรร่วงลง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจอิตาลี

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1207 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1231 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2904 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2965 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6944 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6950 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.63 เยน จากระดับ 109.33 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0094 ฟรังก์ จากระดับ 1.0065 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3466 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3467 ดอลลาร์แคนาดา

Back to top button