MITSIB เคาะราคาไอพีโอ 2.50 บ. พร้อมเปิดฤกษ์ดีลงเทรด mai 11 มิ.ย.นี้

“มิตรสิบ ลิสซิ่ง" หรือ MITSIB เคาะราคาไอพีโอ 2.50 บ. จองซื้อ 29-31 พ.ค. 62 พร้อมเปิดฤกษ์ดีลงสนามเทรด mai วันที่  11 มิ.ย.62


นายสัมฤทธิ์ชัย ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 1 บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท มิตรสิบ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MITSIB เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 167 ล้านหุ้น  มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท โดยมี P/E ย้อนหลังของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 30.40 เท่า ซึ่งจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 29-31 พฤษภาคม 2562 และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 11 มิถุนายน 2562

ทั้งนี้ มีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 6 แห่ง ประกอบด้วย 1. บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) 2. บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 3. บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 4. บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) 5. บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ 6. บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน)

“การกำหนดราคาไอพีโอที่ 2.50 บาท/หุ้น ถือเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของ MITSIB ทั้งนี้จึงเชื่อมั่นว่าหุ้น MITSIB จะได้การตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ด้วยเหตุผลที่บริษัทฯมีประสบการณ์ในการบริการสินเชื่อมานานกว่า 16 ปี มีการจัดการที่อย่างโปร่งใส คำนึงถึงประโยชน์ของทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยปัจจุบันบริษัทให้บริการสินเชื่อครบวงจรแบบ One-Stop Service ให้กับลูกค้าในกลุ่มรถแท็กซี่ รวมไปถึงการบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยม ประกอบกับแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากเงินกู้ยืมทั้งระยะสั้นและระยะยาวจากสถาบันการเงิน ซึ่งการมีวินัยทางการเงินที่ดี และประวัติการชำระคืนที่ตรงต่อเวลา บริษัทจึงมีต้นทุนทางการเงินที่ค่อนข้างต่ำ” นายสัมฤทธิ์ชัย กล่าว

ด้าน นายกิตติ ยงค์สงวนชัย ประธานกรรมการ MITSIB กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ให้บริการสินเชื่อครบวงจรแบบ One-Stop Service ให้กับลูกค้าในกลุ่มรถแท็กซี่ โดยรวมถึงบริการเตรียมความพร้อมรถยนต์ให้เป็นรถ TAXI ที่สามารถใช้งานได้ทันที โดยผ่านการทำสีและติดตั้งระบบตามโครงการ TAXI OK รวมทั้งมีบริการต่อ พ.ร.บ. ทะเบียนรถ และตรวจสอบสภาพรถให้กับลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีบริการหลังการขายที่น่าประทับใจ ทั้งโครงการพัฒนาคุณภาพในการให้บริการแก่กลุ่มคนขับ TAXI และโครงการ Clinic TAXI ที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท พร้อมด้วยศักยภาพของทีมงานประสบการณ์ และบริษัทฯ ได้ให้การบริการสินเชื่อมานานกว่า 16 ปี ทำให้มีความน่าเชื่อถือที่ดีต่อลูกค้า

ส่วน นายนิติพัทญ์ ยงค์สงวนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MITSIB กล่าวว่า “มิตรสิบ ลิสซิ่ง” ดำเนินธุรกิจธุรกิจหลัก คือ การจำหน่ายและให้บริการสินเชื่อเช่าชื้อรถแท็กซี่รวมถึงการบริการเสริมต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า และได้ขยายบริการไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจให้บริการเช่าซื้อใหม่ (รีไฟแนนซ์) โดยมีจุดประสงค์ให้บริการลูกค้าด้วยใจเป็นหนึ่งรวมถึงการให้บริการเสริมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัท แอพแท็กซี่ จำกัด เพื่อพัฒนาแอพพิลเคชั่น ในการอำนวยความสะดวกเรียกรถแท็กซี่ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ภายในชื่อ “แอพแท็กซี่ (AppTaxi)” ซึ่งบริษัทฯ พร้อมที่จะพัฒนาไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหยั่งตามวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และพร้อมที่จะนำองค์กรเดินไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง

โดยวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นการต่อยอดการเติบโตของธุรกิจ ขยายการให้สินเชื่อ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ รวมถึงชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน อีกทั้งเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่โครงสร้างเงินทุนของบริษัทฯ ในการขยายสาขา พร้อมดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายที่วางไว้

ขณะเดียวกัน นายณัชชา ยงค์สงวนชัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MITSIB เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีทีมงานที่บริหารบริษัทส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่มีประสบการณ์และเข้าใจลักษณะของการประกอบธุรกิจประเภทสินเชื่อ โดยทางบริษัทเน้นให้บริการด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจ รวมทั้งการที่บริษัทให้บริการอย่างรวดเร็วพร้อมกับการบริการในรูปแบบครบวงจรเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า จากจุดเริ่มต้นเดิมที่ทางทีมบริหารเป็นคนในพื้นที่ จึงตั้งสาขาบริเวณสมุทรปราการเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ด้วยการบริการที่ประทับใจลูกค้าปัจจุบันทางบริษัทได้ขยายสาขาออกไปยังโซนอื่นเช่น สาขาสุขสวัสดิ์ เป็นต้น

โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 อันดับแรก ประกอบด้วย กลุ่มครอบครัวยงค์สงวนชัย ถือหุ้น รวม 50.69% หลังการเสนอขายหุ้น IPO จะคงเหลือ 38.00% รองลงมาคือ กลุ่มครอบครัวมั่งมี ถือหุ้น รวม 9.00% หลังการเสนอขายหุ้น IPO จะคงเหลือ 6.75% และกลุ่มครอบครัวเลียวตระกูล ถือหุ้น รวม 5.56% หลังการเสนอขายหุ้น IPO จะคงเหลือ 4.17%

Back to top button