Daily View – P.M. – บล.กสิกรไทย

Tactical Move

เดินเกมกลยุทธ์บ่าย

SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 2.93 จุด (0.18%) ปิดภาคเช้าที่ 1,624.50 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24,876.82 ล้านบาท

Most Positive Impact: PTT (+1.39 จุด), CPF (+0.63 จุด), DELTA (+0.46 จุด)

Most Negative Impact: AOT (-2.09 จุด), PTTEP (-0.58 จุด), BTS (-0.23 จุด)

ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงผลักดันจาก กลุ่มพลังงาน(+1.43 จุด) สื่อสาร(+1.06 จุด) และกลุ่มอาหาร(+0.84 จุด) ส่วนกลุ่มที่กดดันดัชนี ได้แก่ กลุ่มขนส่ง(-2.40 จุด) และกลุ่มปิโตรฯ(-0.29 จุด)

แนวโน้มตลาดบ่าย

มุมมองตลาดบ่ายนี้ คาด SET Index มีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,615 – 1,630 จุด แม้ว่าล่าสุดจะมีกระแสข่าวว่าทางการจีนเตรียมพร้อมที่จะระงับการส่งแร่ rare earth ไปยังสหรัฐฯเพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐฯ ทั้งนี้เรามองว่าก่อนหน้านี้จีนได้มีการชะลอนำเข้าถั่วเหลือจากสหรัฐฯไปแล้ว จึงยังไม่น่าจะมีการใช้ประเด็นของแร่ rare earth เพื่อบีบสหรัฐฯ อีกทั้งตัวเลข PMI ภาคการผลิตของทั้งสหรัฐฯกับจีนอ่อนแอลงทั้งคู่ จึงคาดว่าระหว่างถึงการประชุม G20 น่าจะไม่มีการตอบโต้กันรุนแรง และท่าทีทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะลดความร้อนแรงลงในการเจรจาที่การประชุม G20 ดังนั้นหากตลาดมีการปรับตัวลงจากประเด็นดังกล่าวมองเป็นโอกาสในการเข้าสะสม

กลยุทธ์การลงทุนเชื่อว่าบริเวณดัชนีระดับนี้น่าทยอยเข้าสะสมหุ้นกลุ่มต่อไปนี้ 1) กลุ่มหุ้นที่อิงการบริโภคในประเทศ CPALL BJC HMPRO CPF 2) กลุ่มหุ้นที่อิงกับโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค AMATA STEC CK BGRIM DTAC BTS 3) กลุ่มปันผลสูง ได้ประโยชน์จากเทรนดอกเบี้ยขาลง และมีเงินไหลเข้าจากกองทุนตราสารหนี้หลังโดนเก็บภาษี 15% ได้แก่ JASIF TFFIF ABPIF JAS QH ADVANC INTUCH 4) กลุ่มที่งบ 1Q19 ดี กำไรมีแนวโน้มถูกปรับขึ้น ได้แก่ SAPPE, PR9, PTG, SPALI, TTCL, PRM

ประเด็นเศรษฐกิจที่น่าติดตามสัปดาห์หน้า วันจันทร์ติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯขั้นสุดท้าย ประจำเดือนพ.ค. โดยตลาดคาดการณ์ที่ 50.6 วันอังคารติดตามถ้อยแถลงของปธ.เฟด เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า วันพฤหัสจะมีการประชุมนโยบยการเงินของธนาคารกลางยุโรป คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม

หุ้นแนะนำ DTAC CPALL CPN