AI-AIE รีซูมเทรดจันทร์นี้! ผบห.ฟันธงผลงานปีนี้สดใสรับปัจจัยบวกเพียบ
AI-AIE รีซูมเทรดจันทร์นี้! ผบห.ฟันธงผลงานปีนี้สดใสรับปัจจัยบวกเพียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุมัติให้บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ AI และบริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) AIE พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน โดยปลดเครื่องหมาย SP และ NC และให้เริ่มทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของ AI ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) กลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหลักทรัพย์ของ AIE ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากรได้ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า AI และ AIE มีคุณสมบัติครบถ้วนตามแนวทางดำเนินการให้มีคุณสมบัติเพื่อกลับมาซื้อขายกรณีนำส่งงบการเงินล่าช้าเกินกว่ากำหนดแล้ว กล่าวคือ บริษัทได้นำส่งงบการเงินที่สำนักงานก.ล.ต.สั่งแก้ไข และงบการเงินที่นำส่งล่าช้าครบถ้วนแล้ว และต่อมาบริษัทนำส่งงบการเงินภายในเวลาที่กำหนด 2 งวดติดต่อกัน โดยรายงานของผู้สอบบัญชีไม่เป็นรายงานในลักษณะต่อไปนี้ (1) มีเงื่อนไขเกี่ยวกับข้อบกพร่องในระบบการควบคุมภายในหรือระบบบัญชีไม่สมบูรณ์ หรือบริษัทไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักการบัญชี (2) ไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินกรณีถูกจำกัดขอบเขตโดยผู้บริหาร (3) แสดงความเห็นว่างบการเงินไม่ถูกต้อง
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเห็นควรให้หลักทรัพย์ของ AI และ AIE พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน โดยปลดเครื่องหมาย “SP” และ “NC” และให้เริ่มทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของ AI ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) กลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากรหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหลักทรัพย์ของ AIE ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากรตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป และเพื่อให้หลักทรัพย์ดังกล่าวสามารถซื้อขายได้ตามสภาพความเป็นจริง ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงอาศัยอำนาจตามความในข้อ 29 (1) และ (3) ของข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง การซื้อขาย การชำระราคา และการส่งมอบหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2555 กำหนดให้ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ของ AI และ AIE ในวันที่ 10 มิถุนายน 2562 ไม่มีราคาสูงสุดและต่ำสุด
ด้าน นายณรงค์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานกรรมการ AI เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ AI และ AIE (บริษัทลูก) จะกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ หลังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อนุมัติให้พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน โดยปลดเครื่องหมาย “SP” (Suspension) และ “NC” (Non-compliance) ของหลักทรัพย์ ภายหลังจากที่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของการพ้นเหตุเพิกถอนหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เรียบร้อยแล้ว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2562 ของ AI และ AIE คาดว่าจะปรับดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าที่เติบโตตามความต้องการใช้ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่ขยายโครงการข่ายไฟฟ้าไปยังพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ปัจจุบัน AI มีงานในมือ (Backlog) แล้ว 1,100 ล้านบาท และคาดว่าในช่วงที่เหลือปีนี้จะมีงานใหม่เพิ่มเข้ามาอีก
ขณะที่ AIE มียอดขายน้ำมันไบโอดีเซลบี 100 เพิ่มขึ้น หลังจากกระทรวงพลังงานออกนโยบายส่งเสริมให้เพิ่มบี 100 เป็นส่วนผสมในน้ำมันดีเซลจาก 7% (บี 7) เป็น 10% (บี 10) ส่งผลให้ AIE มีคำสั่งซื้อน้ำมันบี 100 จากลุ่มโรงกลั่นฯ เพิ่มขึ้น เนื่องจาก AIE สามารถกลั่นบี 100 ตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะเรื่องปริมาณโมโนกลีเซอไรด์ไม่เกิน 0.4% จากขณะนี้ 0.7% และค่าน้ำในดีเซลเป็นไม่เกิน 200 ppm ซึ่งบางโรงกลั่นฯ ยังไม่สามารถกลั่นตามมาตรฐานดังกล่าวได้
โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานของ AIE ในปี 2562 รายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจไบโอดีเซลบี 100 คิดเป็นสัดส่วน 60% โดยปัจจุบันยอดผลิตบี 100 ของบริษัทอยู่ที่ 6 แสนลิตรต่อวัน และส่วนขยายจะก่อสร้างเสร็จในปีนี้อีก 2 แสนตัน ส่งผลให้ปลายปี 2562 บริษัทมียอดผลิตบี 100 อยู่ที่ 8 แสนตันต่อวัน ขณะที่สัดส่วนรายได้จากโรงงานกลีเซอร์ลีน คิดเป็น 20% ของรายได้รวม, การให้บริการด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางเรือของบริษัท เอไอ โลจิสติกส์ จำกัด (AIL) 10% และอีก 10% เป็นรายได้จากบริษัท เอไอ พอร์ตส์ แอนด์ เทอร์มินัลส์ จำกัด (AIPT) จ.ชุมพร
“ในปีนี้น่าจะเห็น AIE พลิกกลับมาเป็นกำไรได้หลังจากราคาปาล์มขยับสูงขึ้น ประกอบกับลูกค้าในกลุ่มโรงกลั่นฯ ที่ต้องการขายน้ำมันบี 10 ในสถานีบริการน้ำมัน แต่ยังไม่สามารถผลิตบี 100 ตามสเปกของกระทรวงพลังงานได้ จึงต้องมาซื้อกับบริษัท ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าติดต่อเข้ามาหลายราย ทำให้ยอดขายบี 100 ของบริษัทปรับเพิ่มขึ้น โดยในปี 2561 AIE ขาดทุนประมาณ 100 ล้านบาท แต่ปี 2562 น่าจะพลิกเป็นกำไร นอกจากนี้ยังมั่นใจจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในปี 2563” นายณรงค์ กล่าว
ด้านนายธนิตย์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ AI เปิดเผยว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทยังมีกำไรและจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2562 คาดว่าจะเป็นปีที่ดีที่สุดของ AI นับจากก่อตั้งบริษัท โดยปัจจุบันมียอดขายลูกถ้วยไฟฟ้าเพิ่ม ล่าสุดมี Backlog แล้ว 1,100 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าหลักยังคงเป็นการไฟฟ้าฯ เนื่องจากมีการขยายโครงข่ายไฟฟ้าไปยังพื้นที่ EEC ทำให้ความต้องการใช้ลูกถ้วยไฟฟ้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ในช่วงที่เหลือของปี 2562 คาดว่าจะมียอดคำสั่งซื้อลูกถ้วยเข้ามาอีกทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งคาดว่า Backlog ในปี 2563 น่าจะใกล้เคียงกับปี 2562
สำหรับผลการดำเนินงานของ AI ในปี 2562 คาดว่าจะเติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไร 370 ล้านบาท และตลอด 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทพิจารณาอนุมัติจัดสรรกําไรสุทธิประจําปี 2561 เป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท หรือคิดเป็นอัตราปันผลจ่าย 89.58% ของกําไรสุทธิหลังหักสํารองตามกฎหมาย จากงบเฉพาะกิจการ